ภูธรภาค 7 แถลงผลการจับกุมพนักงานวางเพลิงโกดังเก็บน้ำมันหล่อลื่น

วันที่ 1 ธันวาคม 2564 ที่สถานีตำรวจภูธรโพธิ์แก้ว อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม พลตำรวจโท ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมด้วย นายรัฐศาสตร์ ชิดชู รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรโพธิ์แก้ว นายอำเภอสามพราน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ร่วมแถลงผลการจับกุมนางสาวสิราสินี หรือแอน ศรียา อายุ 38 ปี ชาวอำเภอสามพราน หลังจากก่อเหตุวางเพลิงโกดังเก็บน้ำมันหล่อลื่น ของบริษัท ประภากรออยล์ จำกัด ในพื้นที่ตำบลอ้อมใหญ่ อำเภอสามพราน เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งนางสาวสิราสินี เป็นพนักงานของบริษัทแห่งนี้ ส่งผลให้น้ำมันหล่อลื่นที่อยู่ภายในโกดังนับ 100,000 ลิตร มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท ถูกเพลิงไหม้เสียหายทั้งหมด โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันบริหารเหตุการณ์ฉุกเฉิน ระดมรถดับเพลิง 40 คัน จนสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้

พลตำรวจโท ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7  กล่าวว่า จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน คือ นางสาวสิราสินี ตำแหน่งหัวหน้าคลังสินค้า ได้ให้การว่าก่อนเหตุได้พบชาย 2 คน เข้ามาก่อเหตุและได้หลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามสืบสวนตามพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ประกอบกับนางสาวสิราสินีมีพิรุธในการให้ปากคำจึงได้สอบสวนเชิงลึกจนสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุ โดยใช้ไฟแช๊คจุดกระดาษแล้ววางไว้ในกล่องกระดาษบรรจุน้ำมันหล่อลื่นจำนวน 2 จุด จนเกิดเพลิงไหม้ดังกล่าว ไม่ได้มีคนร้าย 2 คนตามที่ให้การครั้งแรกแต่อย่างใด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บหลักฐานทั้งหมดรวบรวมเพื่อแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งโทษมีสูงสุดประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต โดยเจ้าตัวสารภาพว่ารู้สึกโกรธที่ถูกนายจ้างตำหนิจึงได้ก่อเหตุดังกล่าว

ด้านนายรัฐศาสตร์ ชิดชู รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า จากการเกิดเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ทางจังหวัดได้ตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ โดยผู้ว่าราชการจังหวัด ลงมาดูพื้นที่ด้วยตนเอง และในวันนี้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย ในส่วนของบริษัท ประภากรออยล์ จำกัด ทางจังหวัดได้สั่งระงับใบอนุญาตตั้งแต่วันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ในระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าการจัดเก็บน้ำมันประเภท 3 ได้มีการข้ออนุญาตถูกต้องหรือไม่

 

ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ได้มอบหมายให้ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ศูนย์ดำรงธรรม สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 5 สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เพื่อสำรวจความเสียหายและดูแลพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลจากอัคคีภัยในครั้งนี้ ซึ่งมีประมาณ 50 ครัวเรือน โดยทางผู้ประกอบการได้ตั้งจุดรับเรื่องร้องทุกข์ของประชาชน และพร้อมเยียวยาทุกครัวเรือนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ในครั้งนี้


Scroll to Top

แฉข่าวเด่น ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า