อดีต ผอ.ปลูกข้าวหอมมะลิอินทรีย์ของดีเมืองสุรินทร์ พาขายทำกำไรเดือนละ2แสน
วันที่ 20 ก.ค.2565 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสุรินทร์ได้เดินทางไปพบกับ นายบุญเหลือ ฤทธิรณ อายุ 65ปี บ้านเลขที่ 251หมู่ที่1 ตำบลชุมพล อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ หลังจากที่ นายบุญเหลือ ฤทธิรณ เคยรับราชกาลเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน และได้เกษียรอายุราชกาล เกิดความได้สนใจและศึกษาลองผิดลองถูกเพื่อปลูกข้าวหอมมะลิพันธ์ 105 (กุลาร้องไห้) โดยไม่ใช้สารเคมี เป็นการปลูกแบบอินทรีย์ โดยพื้นที่ในเขตอำเภอชุมพลบุรีนั้นเป็นพื้นที่ ที่เคยเป็นเขตทุ่งกุลาร้องไห้หรือเขตเป็นพื้นที่ที่เคยแห้งแล้งมากที่สุดในประเทศ ทำให้ที่พื้นดินบริเวณแห่งนี้นั้นมีเอกกลักษณ์เฉพาะมีแร่ธาตุบ่างอย่างทำให้ข้าวที่ปลูกออกมา มีกลิ่นหอมใบเตย เม็ดยาวขาวนิ่มชิมและชวนติดใจ
จึงทำให้ข้าวหอมมะลิ105 (ทุ่งกุลาร้องไห้) นั้นเป็นข้าวที่มีรสชาติหอมอร่อย และขายดีที่สุดในพื้นที่อีกด้วย ทำให้ผู้คนที่ได้ชิมและลิ้มชิมลองต่างพูดเสียงเดียวกันว่า เป็นข่าวหอมมะลิที่หอมและอร่อยที่สุดในโลก หลังจากชื่อเสียงเรียงนามโด่งดีงไปทั้งทั่วจังหวัด ต่อมาทางพานิชย์จังหวัดสุรินทร์ ต่างยกย่องว่าเป็นข้าวหอมมะลิ105ที่หอมอร่อยที่สุดตั้งแต่เคยมีมา จึงได้รับการยกย่องและผ่านสินค้าGIไทยแลนด์ของดีอีสานมาตฐานโลก นับว่าประสบความสำเร็จทางด้านการค้าขายในระดับหนึ่ง ที่สามารถเป็นรายได้กำไรงามเลี้ยงดูครอบครัวในระยะยาวแบบสบาย
นายบุญเหลือ ฤทธิรณ อายุ 65ปี บ้านเลขที่ 251หมู่ที่1 ตำบลชุมพล อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ เล่าว่า เมื่อก่อนตอนที่ตนเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ตนชอบพาลูกๆเด็กนักเรียนปลูกผักผลไม้กินเองที่โรงเพื่อจะได้ประหยัดตังในกระเป๋าเพราะไม่ต้องซื้อข้าวกิน ต่อมาหลังจากที่ตนได้เกษียรอายุตนจึงเริ่มทำทานาปลูกข้าวขายแต่ตอนนั้นตนใช้ปุ๋ยเคมี ทำให้ผลผลิตออกมามีรสชาติที่ไม่ค่อยหอมและนุ่มทำให้การลงทุนการปลูกข้าวขายในตอนนั้น ติดลบไปทุกทาง จนกระทั้งตนได้เริ่มศึกษาหาวิธีปลูกข้าวยังไงใหหอมอร่อย จึงเริ่มคิดค้นปุ๋ยธรรมชาติ100%ปลูกแบบไม่เพิ่งพาสารเคมี เพราะตนถือว่าพื้นดินในอำเภอของตนนั้นเป็นเขตดินแดนทุ่งกุลาร้องไห้
จึงเริ่มลองผิดลองถูกปลูกแบบไม่ง้อสารเคมี ต่อมาจึงได้ผลผลิตที่ดีและได้ข้าวที่หอมนุ่มอร่อย จึงเริ่มแพคขายและขายทางออนไลน์ คนที่ซื้อไปกินต่างบอกปากต่อปากว่าเป็นข้าวหอมมะลิที่มีรสชาติหอมกลิ่นใบเตย เม็ดยาวและนิ่มจึ่งเริ่มขายดิบขายดีมาอย่างต่อเนื่อง และตนเองจึงเริ่มขยายเครือข่ายในเขตอำเภอชุมพลบุรี และได้ตั้งชื่อแบรนตัวเองว่า “กุลาไรซ์105” โดยมีข้าวกล้อง ข้าวขาว ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวแปรรูปอีกหลายอย่างในการขาย จนตอนนี้ทำให้มียอดขายถล่มทลายขายดีรายได้เดือนละ150000-200000บาทเลยทีเดียว ถ้าสนใจติดต่อสั่งซื้อได้ที่ “เครือข่ายวสาหกิจชุมชนผู้ผลิตข้าวอินทรีย์หอมมะลิ กุลาไรซ์ 105” โทร 0894255466 และทาง (เพจFacebook กุลาไรซ์105)
นางพิรุณวรรณน์ จงใจภัคดิ์ (พานิชย์จังหวัดสุรินทร์) เล่าว่าสำนักงานพานิชย์จังหวัดสุรินทร์จับมือร่วมกับสำนักงานพานิชย์จังหวัดสกลนคร พร้อมพลักดันข้าวหอมมะลิสุรินทร์GIจังหวัดสุรินทร์ เป็นหนึ่งใน18แห่งสินค้าดีGIอีสานสู่สากลมั่นใจคุณภาพข้าวหอมมะลิจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งได้รับการรับรอง ข้าวสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์GI เป็นสิ่งบ่งชี้ทางการตลาดที่มีลักษณะเฉพาะถิ่น และมีชื่อเสียงเฉพาะถิ่น เช่น ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ข้าวหอมมะลิจังหวัดสุรินทร์
ภาพ/ข่าว: รมิตา สิงหเสรี/ศักดิ์สิทธิ์ สุภิษะ ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดสุรินทร์