การเปิดด่านครั้งนี้ ตามมาตรการของรัฐบาลบวกกับสถานการณ์ โควิด-19 เริ่มลดลง ก็จะสอดคล้องกับนโยบาย ของ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เราจะข้ามโควิด-19 เพื่อนำเรื่องเศรษฐกิจ และสังคม และการแพทย์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดสุรินทร์ ให้มีความรุ่งเรืองมากขึ้น เป็นความมุ่งหวังของผู้บริหาร ของจังหวัดสุรินทร์ สำหรับเงื่อนไข การข้ามแดน ก็คือใช้บอเดอร์พาส ทุกคนทุกฉีดวัคชีน อย่างน้อย 2 เข็ม ซึ่งชาวกัมพูชา อายุ 5 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่ได้วัคชีน เข็ม 2 และเข็ม 3 แล้ว ส่วนประชาชน ในจังหวัดสุรินทร์ ประชากรกว่า 80 เปอร์เชนต์ ได้รับการวัคฉีดชีน แล้วเราต้องช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และมาตรการสาธารณสุข เน้นย้ำว่า ในระยะนี้ขอให้ใส่หน้ากากอนามัย เป็นการควบคุมโรคโควิด-19 แม้ว่าความรุนแรงลดลง แต่เราไม่ประมาท เชื่อว่า ด้านการแพทย์ จะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจ และสังคม ระหว่างไทย กัมพูชา ให้ขับเคลื่อนต่อไปได้เป็นอย่างดี
สำหรับบรรยากาศ ภายหลังการเปิดด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม–โอร์เสม็ด ปรากฏว่าได้มีชาวกัมพูชา จำนวนมาก ให้ความสนใจ ที่จะเดินทางข้ามแดน เข้ามาในฝั่งไทย ทั้งการค้าขาย และมาพบแพทย์ และเดินทางมาเยี่ยมญาติ ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ และพบว่ามีรถขนส่งสินค้า ของไทย จำนวนมาก เดินทางข้ามแดน นำสินค้าลงไปส่งร้านค้า ในฝั่งประเทศกัมพูชา
นอกจากนั้นยังพบว่า มีชาวกัมพูชา ที่เข้ามาทำงาน ในจังหวัดสุรินทร์ โดยเข้ามาทำงานแบบผิดกฏหมาย ได้เดินทางกลับเข้าประเทศกัมพูชา โดยบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ต้องการเดินทางกลับบ้าน เพื่อขอทำเอกสาร เดินทางข้ามแดน เข้ามาทำงานในจังหวัดสุรินทร์ ให้ถูกต้องตามกฏหมาย ของไทยและกัมพูชา
ทั้งนี้การเปิดด่านชายแดนไทย–กัมพูชา ดังกล่าว เกิดขึ้นจากกรณีที่ทาง ศบค.และกระทรวงมหาดไทย ได้มีหนังสือลงวันที่ 26 เม.ย.2565 แจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีพื้นที่ติดแนวชายแดนให้ผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าออกของบุคคลผ่านช่องทางผ่านแดนทางบก และให้พิจารณาเปิดด่านผ่านแดนถาวรทางบก ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.65 เป็นต้นไปแบบเต็มรูปแบบ เพื่อรองรับมาตรการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของรัฐบาล สำหรับตลาดค้าชายแดนไทย–กัมพูชา ได้มีประชาชนออกมาจับจ่ายซื้อของในวันหยุดเป็นจำนวนมาก
ภาพ/ข่าว: เขมชาติ ชุณหกิจขจร / รมิตา สิงหเสรี/ ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดสุรินทร์