วันที่ 15 ต.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. (12 ต.ค. 65) ตำรวจกองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป. นำตัวนายธนเดช แก้วช่วง หรือรุจ อายุ 27 ปี ตามหมายจับศาลอาญาตลิ่งชันที่ 473/2565 ลงวันที่ 29 กันยายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายโดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย” ในห้องพักแห่งหนึ่ง ตำบลคูหาสวรรค์ อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง
สำหรับการจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 ก.ค.65 เวลาประมาณ 20.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางยี่ขัน ได้รับแจ้งว่า พบศพนางสาวกมลเนตร ละมุล อายุ 26 ปี เสียชีวิตอยู่ในบ้านเช่า เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ สภาพศพมีบาดแผลสาหัส เนื่องจากถูกทำร้ายร่างกาย กะโหลกศีรษะแตก เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง กระดูกสันหลังหัก กระดูกซี่โครงหัก ซึ่งต่อมาจากการสืบสวน ทราบว่านายธนเดช ซึ่งเป็นแฟนของผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุ โดยนายธนเดชรู้จักกับนางสาวกมลเนตรผ่านทางแอปฯ หาคู่ จากนั้นพูดคุยกันต่อผ่านทางแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดีย โดยนายธนเดชชักชวนให้นางสาวกมลเนตรมาพักอาศัยอยู่ด้วยกันที่บ้านเช่า ซึ่งนายธนเดชมีพฤติกรรมทำร้ายนางสาวกมลเนตร ด้วยการซ้อม ทุบตี และกระทืบ ภายในบ้านเช่าดังกล่าว และกักขังไว้ในบ้าน จนกระทั่งนางสาวกมลเนตรทนพิษบาดแผลไม่ไหวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากนั้นนายธนเดชฯ จึงได้หลบหนีไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจ กก.6 บก.ป. สืบสวนทราบว่านายธนเดชหลบหนีมาอยู่ในแมนชันแห่งหนึ่งในพื้นที่ ตำบลคูหาสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง และขณะนั้นมีหญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อ ถูกล่อลวงมากักขังอยู่ในห้องพักของนายธนเดชอีกด้วย จึงได้วางแผนเข้าทำการช่วยเหลือและจับกุม โดยขณะเข้าทำการจับกุม พบนางสาวเนย (นามสมมติ) อายุ 31 ปี ชาวจังหวัดลำพูน อยู่ในห้องพักดังกล่าว ในสภาพถูกทำร้าย บาดเจ็บ มีรอยฟกช้ำตามร่างกายจำนวนมาก ใบหน้าบวมช้ำจนผิดรูป จึงได้เข้าการจับกุมนายธนเดชและช่วยเหลือนางสาวเนยส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลพัทลุง จากนั้นควบคุมตัวนายธนเดชไปบันทึกลงประจำวันที่ สภ.เมืองพัทลุง หลังจากนั้นได้นำตัว ส่ง พนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน กรุงเทพฯ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทางด้านนางสาวเนย (นามสมมติ) เมื่อพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าทำการช่วยเหลือได้ยกมือไหว้ พร้อมกล่าวว่า “นึกว่าจะต้องตายในห้องนี้แล้ว ไม่คิดว่าจะมีชีวิตรอดออกมาได้” โดยได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งน้ำตาว่า ตนเองรู้จักกับนายธนเดชเมื่อประมาณต้นเดือนสิงหาคม ปี 2565 ทางแอปฯ หาคู่ จากนั้นพูดคุยกันผ่านแอปฯ โซเชียลมีเดีย โดยคุยกันประมาณ 1 เดือน จากนั้นนายธนเดชได้ลวงให้ตนเองเดินทางมาหาที่จังหวัดพัทลุง ด้วยการบอกว่ารักตนเองมากและอยากเจอ ประมาณต้นเดือนกันยายน ตนเองจึงได้นั่งรถไฟมาจากจังหวัดลำพูน เมื่อพบกันครั้งแรก ในขณะที่นั่งทานอยู่นั้น นายธนเดชได้แสดงอาการหึงหวง โดยกล่าวหาว่าตนเองไปมองชายอื่นขณะทานข้าว จึงนำจานใส่ข้าวมันไก่ที่ทานอยู่ปาใส่ใบหน้าของตนเองและใช้ถ้วยน้ำซุปเทราดศีรษะ พร้อมทั้งใช้กำลังตบตีตนเองโดยไม่สนใจบุคคลอื่นในตลาด และใช้กำลังฉุดกระชากตนเองมาที่ห้องพักในแมนชันที่นายธนเดชเช่าอาศัยอยู่ จากนั้นได้กักขังตนไว้ในห้องไม่ให้ออกไปไหน ไม่ให้ติดต่อกับผู้ใด และใช้กำลังทำร้ายร่างกายเรื่อยมา อีกทั้งนายธนเดชยังเสพยาเสพติด เมื่อมีอาการเมายาก็จะลงมือทำร้ายตนเองหนักขึ้นไปอีก ตนเองต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ภายในห้องเป็นระยะเวลากว่า 1 เดือน
จากการสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้นในชั้นจับกุม นายธนเดชให้การว่า ตนเองเคยประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป แต่หลังจากพ้นโทษออกมาก็ไม่ได้ประกอบอาชีพ เงินที่ใช้จ่ายในแต่ละวันได้มากจากการเล่นพนัน และขอจากหญิงสาวที่แช็ตคุยด้วย โดยรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่าตนเองเป็นผู้ลงมือทำร้ายทั้งนางสาวกมลเนตรจนถึงแก่ความตาย และนางสาวเนย (นามสมมติ) จนได้รับบาดเจ็บจริง สาเหตุที่กระทำกับเหยื่อแต่ละคน นายธนเดชอ้างว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจลงมือ แต่ทำไปเนื่องมาจากความรักและความหึงหวง ทำให้ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ จึงพลั้งมือทำร้าย จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าที่ผ่านมา นายธนเดชมีพฤติกรรมแช็ตคุยกับหญิงสาว โดยจะบอกว่ารักและขอนัดเจอ เมื่อผู้หญิงหลงเชื่อ จะพามากักขังที่ห้องพัก จากนั้นจะลงมือทำร้ายร่างกายเหยื่อจนบาดเจ็บสาหัส โดยเชื่อว่าอาจมีเหยื่อรายอื่นที่ถูกกระทำในลักษณะนี้อีกหลายราย ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติมต่อไป
ล่าสุดช่วงสายวันนี้ ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานได้ไปตรวจหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยมี ดร.นาที รัชกิจประการ ประธานคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ประธานสมัชชาสตรี พัทลุง ได้เป็นตัวแทนของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำกระเช้าไปมอบให้กำลังใจ
น.ส.เนย เผยว่าอาการเริ่มดีแต่สภาพจิตใจยังหวาดผวา เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่คล้ายกับเสียงที่นายธนเดชฯ เคยโทร ตนรู้สึกกลัว เพราะนายธนเดชฯ เคยขู่ว่าหากตนหนีหรือแจ้งตำรวจ จะให้เพื่อนตามมาฆ่า ซึ่งทีมแพทย์ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ในเรื่องความปลอดภัย ทาง พล.ต.ต.ตานิตย์ ฯ สั่งการณ์ให้เจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง