ผู้ว่าฯ เชียงราย ทำหนังสือด่วนถึงลาวช่วยคนไทยโดนหลอกไปทำงานแก๊งสกิมมิ่ง
จากกรณี เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่าน นายภาสกร บุญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้ส่งหนังสือด่วนที่สุดลงที่ ชร.001183/3933 ถึง เจ้าแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว หลังได้รับการประสานงานจากคนไทย จำนวน 10 คน ที่ถูกนายหน้าหลอกให้ไปทำงานในตำแหน่งสแกมเมอร์ หรือแก็งคลอเซ็นเตอร์ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ เมืองต้นผึ้ง สปป.ลาว ตรงข้ามกับ บ้านสบรวก หมู่ 1 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เพื่อขอความช่วยเหลือและนำตัวเดินทางกลับประเทศไทย โดยคนไทยเหล่านี้ได้ติดต่อกลับมายังญาติในฝั่งไทยว่าพวกตนได้ถูกนายหน้าอ้างว่าจะพาไปทำงานในคิงส์โรมัน ซึ่งเป็นคาสิโนหลักบนเกาะดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีคนไทยข้ามไปทำงานในคาสิโนและได้รับค่าตอบแทนสูง พวกตนจึงหลงเชื่อ แต่เมื่อไปถึงฝั่งลาวกลับถูกบังคับให้ทำงานในตึกที่ห่างจากคาสิโน ถูกบังคับให้ทำงานเป็นแก๊งสกิมมิ่งสร้างตัวตนปลอมในโลกโซเชียล เพื่อหลอกลวงนักลงทุนและเหยื่อให้มาลงทุนหุ้น ทั้งทองคำ และเทรดสกุลเงินดิจิตอล แต่หากไม่ทำงานก็จะถูกขายต่อไปให้กับบริษัทอื่น หากเป็นผู้หญิงก็บังคับให้ขายตัว โดยมีคนไทยที่ร่วมชะตากรรม 15 คน ทั้งชายและหญิงอายุอยู่ระหว่าง 20-30 ปี
โดยหนังสือด่วนที่สุด ลงที่ ชร.001183/3933 ฉบับนี้ยังระบุข้อความว่า “ขอให้ทางแขวงบ่อแก้วประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ช่วยเหลือและคุ้มครองคนไทยทั้งหมดซึ่งถูกหลอกให้ไปทำงานอยู่ที่ตึกอพาร์ทเม้นแห่งหนึ่ง และอาคารที่พักตึกหลังที่ 3 ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ เมืองต้นผึ้ง สปป.ลาว”
แต่ต่อมาพบว่ามีคนไทยในกลุ่มดังกล่าวได้หลบหนีออกมาด้วยการนั่งเรือของชาวบ้านข้ามฟากมายังฝั่งไทยได้ 5 คน และมีผู้ที่ได้รับการช่วยเหลืออย่างไม่เป็นทางการให้กลับมาได้อีก 6 คน ด้วยการว่าจ้างให้คนลาวพาหนีออกมา รวมทั้งสิ้นคนไทยที่ออกมาแล้ว 11 คน และยังมีคนไทยอีก 4 คน ที่รอการช่วยเหลือจากทางการไทย และล่าสุดแก๊งสกิมมิ่งได้นำทั้ง 4 คน ไปขายต่อให้กับบริษัทอื่นภายในบริเวณเดียวกันแล้ว จึงอยากสื่อสานไปยังญาติ 4 คนไทยที่ตกค้างอยู่ว่า พวกเขาถูกบังคับให้ทำงานวันละ 15 ชั่วโมง และบริเวณที่พักและที่ทำงานยังล้อมด้วยรั้วไฟฟ้าเพื่อป้องกันไม่ให้หลบหนีจึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือด่วนด้วย
กลุ่มคนไทยที่ถูกหลอก(ไม่ประสงค์ออกนาม) ได้เปิดเผยแก่ ผู้สื่อข่าวว่า ที่ได้หลบหนีออกมาได้เปิดเผยว่า ก่อนที่จะข้ามไปทำงานดังกล่าว มีอาชีพเป็นมัคคุเทศน์ คนทำงานตามร้านอาหาร สถานบันเทิง มีความสามารถด้านการใช้ภาษา คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต แต่ได้เกิดปัญหาเศรษฐกิจและการระบาดของโควิด-19 ทำให้ต้องตกงาน และได้มีนายหน้าที่อยู่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นคนรู้จักคุ้นเคยกันติดต่อให้ไปทำงานในโครงการคิงส์โรมันภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ โดยอ้างว่าเป็นงานแอดมินหรือคนควบคุมเวปไซต์ในบ่อนคาสิโนออนไลน์ แลกกับเงินเดือนเบื้องต้นคนละ 30,000 บาท สัญญางาน 6 เดือน ทำให้หลงเชื่อเพราะคนที่ชักชวนน่าเชื่อถือและโครงการคิงส์โรมันก็มีชื่อเสียงรวมทั้งมีบ่อนคาสิโนอยู่ด้วย พวกตนจึงได้ลักลอบข้ามแดนโดยมีกลุ่มขบวนการพานั่งเรือข้ามไปยังฝั่ง สปป.ลาว และพาเดินทางด้วยรถยนต์ไปโครงการคิงส์โรมันดังกล่าว
แต่เมื่อทั้งหมดไปถึงก็พบว่าไม่ได้ถูกพาไปที่โครงการคิงส์โรมัน แต่ถูกนำตัวไปที่อาคารแห่งหนึ่งซึ่งถูกบังคับให้ สร้างบัญชีปลอมในโซเชียลทั้ง อินสตาร์แกรม IG และ facebook แล้วให้ขโมยหรือแฮ๊กเกอร์ไปตาม IG และของบุคคลต่างๆ เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการชักชวนให้คนเหล่านั้นได้เข้าไปลงทุนในตลาดหรือเทรดออนไลน์ เช่น เทรดทอง เทรดสกุลเงินดิจิติล อ้างว่าจะได้ผลกำไร แต่เมื่อมีเหยื่อหลงเชื่อแล้วโอนเงินเข้าไปลงทุนก็จะปิด IG และ facebook หนี ทำให้พวกตนไม่อยากทำงานเพราะนอกจากจะไม่ตรงกับงานที่เคยได้รับแจ้งแล้วยังเข้าผิดกฎหมายและศีลธรรม แต่พวกตนก็ถูกข่มขู่ และภายในที่ทำงานซึ่งเป็นห้องโถงกว้างมีโต๊ะทำงานประมาณ 50 โต๊ะ มีคนภายในเต็ม ส่วนที่พักที่เป็นตึกสูงต้องนอนเบียดกัน 10 คนต่อ 1 ห้อง และมีห้องน้ำเพียง 1 ห้อง มีเวรยามดูแลไม่ให้หลบหนีอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ยังข่มขู่พวกตนว่าหากทำงานไม่ได้หรือหาเหยื่อไม่ได้ตามเป้าที่กำหนดก็จะถูกนำตัวไปขายต่อไปให้แก๊งอื่นๆ เป็นทอดๆ ไปอีกด้วย ทำให้หลายคนจำใจต้องทำงานและหลายคนพยายามหลบหนีข้ามมายังฝั่งไทย ซึ่งตั้งแต่เข้าไปทำงานก็ไม่เคยได้ค่าตอบแทนใดๆ แต่หากทำผิดกฎก็จะถูกหักเงินครั้งละมากๆ เช่นไม่เก็บเก้าอี้ ทำงานไม่ได้ตามเป้าหมาย เข้าห้องน้ำนาน ซึ่งการทำงานอยู่ภายในเหมือนตกนรกทั้งเป็น
สำหรับเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมคำ ทางกลุ่มดอกงิ้วคำมีนายจ้าว เหว่ย เป็นประธาน ได้สัมปทานจาก สปป.ลาว เป็นเวลา 99 ปี ในการพัฒนาพื้นที่ประมาณ 10,000 เฮกตาร์ ปัจจุบันมีการพัฒนาเป็นโครงการคิงส์โรมันที่มีทั้งโรงแรม รีอสร์ท อาคารพาณิชย์ ร้านอาหาร ถนน บ่อนคาสิโน ท่าเรือ พื้นที่การเกษตร โดยมีเอกชนหลายหลายสาขาเข้าไปใช้พื้นที่ โดยก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 เคยมีนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวจีนเข้าไปปีละกว่า 300,000 คน แต่หลังเกิดวิกฤติได้ปิดพื้นที่แต่กลับมาเปิดอีกครั้งในปี 2564 และเอกชนหลายรายได้ประกาศรับสมัครพนักงานดังกล่าว