เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., สั่งการให้ พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.วาทิต จิตรจันทึก, พ.ต.ต.ธีระยุทธ ไทยราช สว.กก.5 บก.ป.จับกุม นายวสันต์ เทียมศิริ อายุ 43 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1947/2564 ลงวันที่ 17 พ.ย. 2564 ข้อหา “ปลอมเอกสารสิทธิ, ใช้เอกสารสิทธิปลอม และฉ้อโกง” ได้ที่ บริเวณด้านหน้าอาคารแห่งหนึ่ง ย่านถนนนราธิวาสเจ้าพระยา แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม.
สืบเนื่องจากประมาณปี 2550 นายวสันต์ ผู้ต้องหารายนี้ เดิมทีไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง แต่มีพฤติกรรมอ้างตัวเป็นนักธุรกิจ อยู่ในแวดวงสังคมไฮโซ ก่อนทำทีตีสนิทแพทย์หญิง หรือหมอศัลยกรรมความงามรายหนึ่งในพื้นที่ กทม. ในเชิงชู้สาว จนมีการคบหากัน ต่อมา เมื่อเห็นว่าเริ่มตายใจ นายวสันต์ จึงออกอุบายชักชวนให้นำเงินมาลงทุนซื้อห้องชุดคอนโดหรูย่านปทุมวัน และ ราชเทวี เพื่อพักอาศัยอยู่ด้วยกัน โดยนายวสันต์ จะทำทีให้ผู้เสียหายทยอยผ่อนชำระผ่านตนเองรวมเป็นเงินกว่า 16 ล้านบาท นอกจากนี้ยังชักชวนให้นำเงินมาลงทุนธุรกิจซื้อขายรถหรู รถซุปเปอร์คาร์ มือสอง อาทิ เบนซ์ บีเอ็มดับยู แลมโบรกินี ปอร์เช่ อีก 20 ล้านบาท อ้างแบ่งกำไรคนละครึ่ง โดยให้ฝ่ายหญิงเป็นคนออกเงินลงทุน ส่วนตัวนายวสันต์ เองนั้นจะเป็นคนบริหารจัดการ ด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจผู้เสียหายจึงยอมทำตาม
กระทั่งต่อมาผู้เสียหายเกิดตรวจสอบพบว่า เรื่องทั้งหมดเป็นการกุเรื่องขึ้นมาเพื่อหลอกเอาเงินจากตนเอง เนื่องจากไม่ได้มีการซื้อคอนโดจริงแต่เป็นเพียงการเช่าอยู่อาศัย เช่นเดียวกับการลงทุนธุรกิจการซื้อขายรถยนต์หรูมือสองนั้น นายวสันต์ เองก็ไม่ได้มีการนำเงินที่ผู้เสียหายที่มอบให้ไปซื้อรถยนต์แต่อย่างใด แต่กลับนำเงินที่ผู้เสียหายให้ไปเช่ารถหรูจากร้านเช่าแล้วนำมาแอบอ้างเพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่ามีการนำเงินไปลงทุนจริง รวมความเสียหายที่ถูกหลอกทั้งหมดเป็นเงินประมาณ 36 ล้านบาท หลังทราบความจริงผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. จนมีการออกหมายจับและนำมาสู่การติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
สอบสวนนายวสันต์ ให้การปฏิเสธ แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากตรวจสอบประวัติพบเคยก่อเหตุในคดี “ยักยอกทรัพย์” มูลค่า 900,000 บาท มาแล้ว เบื้องต้นจึงนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป