“เฉลิมชัย” ปิดอ่าวไทย 3 จังหวัด บริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำมีไข่เพิ่มปริมาณ

เมื่อวันที่ 11 ก.พ. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีประกาศใช้มาตรการบริหารทรัพยากรสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ทะเลอ่าวไทย ปี 2565 (ปิดอ่าวไทย) มี นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการ จ.ประจวบฯ หัวหน้าส่วนราชการ เครือข่ายชาวประมงและประชาชนให้การต้อนรับ จากนั้นร่วมประกอบพิธีบวงสรวงพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พร้อมปล่อยขบวนเรือเจ้าหน้าที่เพื่อออกปฏิบัติหน้าที่ในช่วงประกาศใช้มาตรการดังกล่าว โดยมีเรือตรวจประมงทะเลเข้าร่วมขบวนทั้งสิ้น 8 ลำ ณ บริเวณชายทะเลอ่าวประจวบฯ สวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ อำเภอเมืองประจวบฯ

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน กล่าวว่า ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-เดือนมิถุนายนของทุกปี พื้นที่ทะเลอ่าวไทยบางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี เป็นพื้นที่วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน ของสัตว์น้ำที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจหลายชนิด โดยเฉพาะปลาทู ได้อาศัยเป็นแหล่งวางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมง จึงได้กำหนดมาตรการเพื่อให้การใช้ประโยชน์จากสัตว์น้ำ ให้มีความสมดุลกับศักยภาพการผลิตของธรรมชาติ และมีการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน โดยได้กำหนดให้ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 14 มิถุนายน ของทุกปี ห้ามมิให้ผู้ใดทำการประมงในพื้นที่ทะเลอ่าวไทยบางส่วนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และกำหนดพื้นที่ควบคุมต่อเนื่องจากมาตรการปิดอ่าวฯ ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม ถึงวันที่ 14 มิถุนายน ของทุกปี บริเวณพื้นที่อ่าวประจวบฯการจัดพิธีประกาศปิดอ่าวในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากพี่น้องชาวประมง ประชาชน สมาคมประมง โรงเรียน หน่วยงานราชการในพื้นที่ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะชุมชนประมงต้นแบบ และกลุ่มเครือข่ายอาสาเฝ้าระวังการทำการประมงที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของกรมประมง ในการบริหารจัดการทรัพยากรประมงในท้องถิ่นของตนเอง ซึ่งจากการประกาศใช้มาตรการในปีที่ผ่านมา พบว่า มีพ่อ-แม่พันธุ์ปลาทู มีความสมบูรณ์เพศและมีการแพร่กระจายของลูกปลาทูและสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดอื่นในพื้นที่ที่ประกาศใช้มาตรการ และในพื้นที่อ่าวไทยบริเวณบางส่วนของจังหวัดประจวบฯ เมื่อเปรียบเทียบองค์ประกอบของลูกปลาทูและสัตว์น้ำชนิดอื่นพบว่า ระยะเวลาและพื้นที่บังคับใช้มาตรการ สอดคล้องกับการเลี้ยงตัวของสัตว์น้ำขนาดเล็ก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าปลาเริ่มเคลื่อนย้ายเข้าสู่อ่าวไทยรูปตัว ก เป็นแหล่งเลี้ยงตัวอ่อนที่สำคัญ

ด้านนายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับมาตรการดังกล่าวเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2496 จนถึงปัจจุบันและได้มีการปรับปรุงแก้ไขมาเป็นระยะๆ โดยปัจจุบันเป็นมาตรการที่อาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 มาตรา 70 และได้กำหนดระยะเวลาและพื้นที่ เป็น 2 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 พื้นที่ทะเลอ่าวไทย ตั้งแต่ปลายแหลมเขาม่องไล่ จ.ประจวบฯ ถึง อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี ครอบคลุมพื้นที่ในทะเล 27,000 ตารางกิโลเมตร ระยะเวลาห้ามทำการประมง ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์-15 พฤษภาคมของทุกปี และระยะที่ 2 พื้นที่อ่าวไทยตามระยะที่ 1 ปรับลดลงมาให้คงห้ามทำการประมงในระยะใกล้ฝั่ง ซึ่งเป็นแหล่งสัตว์น้ำวัยอ่อนอพยพไปยังพื้นที่เลี้ยงตัวอ่อนในอ่าวไทยตอนใน ครอบคลุมพื้นที่ 5,300 ตารางกิโลเมตร และกำหนดห้ามทำการประมงเพิ่มเติมในพื้นที่ตั้งแต่เขาม่องไล่ ไปทางทิศเหนือ จรด อ.หัวหิน ครอบคลุมพื้นที่ 2,900 ตารางกิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม-14 มิถุนายนของทุกปี ในพื้นที่และห้วงเวลาที่กำหนดห้ามมิให้ทำการประมง เว้นแต่เป็นการใช้เครื่องมือบางชนิด ตามที่ระบุไว้ในประกาศเท่านั้นที่จะใช้ทำการประมงได้

พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบหนังสือรับรองมาตรฐานการทำประมงพื้นบ้านอย่างยั่งยืนให้แก่ชาวประมงพื้นบ้านจำนวน 8 ราย มอบแผ่นป้ายเงินอุดหนุนโครงการพัฒนาอาชีพและส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชน และมอบพันธุ์กุ้งก้ามกรามจำนวน 700,000 ตัว ให้แก่ผู้นำชุมชนนำไปปล่อยเพื่อเพิ่มผลผลิตในแหล่งน้ำธรรมชาติ และสร้างรายได้ให้กับชุมชน ณ แม่น้ำปราณบุรี ตลอดจนร่วมกันปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำชายฝั่ง จำนวน 220,000 ตัว ประกอบด้วย กุ้งกุลาดำ 100,000 ตัว กุ้งแชบ๊วย 100,000 ตัว และปลากะพงขาว 20,000 ตัว ลงในอ่าวประจวบคีรีขันธ์เพื่อเพิ่มผลผลิตลงในแหล่งน้ำธรรมชาติอีกแห่งหนึ่งด้วย

จากนั้นได้เปิดโครงการกระจายสินค้าประมงพื้นบ้านสู่ผู้บริโภค (Fisherman Market) ซึ่งเป็นโครงการที่ช่วยเหลือชาวประมงพื้นบ้าน และชาวประมงในพื้นที่จังหวัดชายทะเลทั้ง 23 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยการกระจายสินค้าประมงพื้นบ้านสู่ผู้บริโภค โดยเปิดช่องทางการตลาดสำหรับกระจายผลผลิต จำหน่ายสินค้าสัตว์น้ำเพื่อให้มีรายได้ที่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ รวมถึงสนับสนุนพัฒนาทักษะการขาย การแปรรูป และการบรรจุภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการประกอบอาชีพให้เกิดความมั่นคงในระยะยาวต่อไป โดยในส่วนกลาง กรมประมงได้เปิดตลาด Fisherman Market ในทุกวันศุกร์ของสัปดาห์ เพื่อให้ชาวประมงพื้นบ้านได้นำสินค้าและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ คุณภาพดี มีมาตรฐาน มาวางจำหน่ายให้ผู้บริโภคได้ร่วมอุดหนุนในราคาสุดพิเศษ ซึ่งมีสินค้ามาวางจำหน่ายมากมายหลายรายการ หมุนเวียนกันไปแต่ละสัปดาห์ด้วย.

อุดมศักดิ์ นิ่มเซียน.ประจวบฯ


Scroll to Top

แฉข่าวเด่น ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า