วันนี้ 13 มกราคม 2565 นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปกท.ทส.) เปิดเผยว่าจากกรณีที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิทำการลาดตระเวน และตรวจพบกลุ่มพรานป่าลักลอบล่าสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ บริเวณป่าห้วยปิล๊อก หมู่ที่ 4 ตำบลปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ห่างจากเขตชายแดนไทย-พม่า ประมาณ 3-4 กิโลเมตร โดยพบซากเสือโคร่ง จำนวน 2 ตัว พร้อมอาวุธปืน และอุปกรณ์การกระทำผิดอื่นๆ นั้น นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ได้มีคำสั่งการให้ติดตามหาตัวผู้กระทำความผิดโดยเร่งด่วน พร้อมให้ดำเนินการประสานกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำผิดให้ถึงที่สุด
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงฯ กล่าวว่า “จากกรณีที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ที่มีการลักลอบล่าสัตว์ป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ซึ่งเป็นพื้นที่อนุรักษ์ สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่าที่ไม่อาจยอมรับได้ โดยเฉพาะเสือโคร่งที่ถือว่าเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองของประเทศไทย เป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ เรื่องเช่นนี้จึงไม่สมควรเกิดขึ้นบนผืนแผ่นดินไทย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการฯ จึงได้ให้ติดตามดำเนินคดีนี้ให้ถึงที่สุดโดยเร็ว ถึงแม้ว่าขณะนี้ผู้กระทำความผิดได้มามอบตัวและยอมรับต่อข้อกล่าวหาแล้วก็ตาม โดยกำชับให้ประสานกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ในการติดตามดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดให้ถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่น และเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกต่อไป รวมทั้งได้มอบหมายให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นผู้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด รวมถึงติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดีดังกล่าว
ทั้งนี้ ยังได้สั่งการกำชับให้หน่วยงานในพื้นที่กวดขันการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ในการลาดตระเวนตรวจตราการบุกรุกทำลายป่า และปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติและป่าสงวนให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น ตามนโยบายของท่านรัฐมนตรีว่าการฯ เนื่องจากในช่วงนี้มีข่าวการลักลอบกระทำผิดกฎหมายในเขตพื้นที่ป่าไม้และอุทยานแห่งชาติในจังหวัดกาญจนบุรีอยู่บ่อยครั้ง จึงจำเป็นต้องมีการยกระดับการป้องกันและเฝ้าระวังในพื้นที่ให้มากขึ้น พร้อมทั้งประสานงานร่วมกับหน่วยงานในท้องที่ และหน่วยงานในระดับท้องถิ่น รวมถึงผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และดูแลป้องกันการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ให้เกิดความเข้มแข็งต่อไป อย่างไรก็ตาม ต้องขอชื่นชมและขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง จนสามารถเข้าถึงพื้นที่และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดได้อย่างรวดเร็ว”