เมื่อวันที่ 4 เม.ย. นายพลกฤต พวงวลัยสิน นายอำเภอหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน พร้อมด้วย นายจีรวัฒน์ พราหมณี ปลัดเทศบาลเมืองหัวหิน นาง กุลวรารัฐ กนกหิรัญ พัฒนาการอำเภอหัวหิน ลงพื้นที่ตามนโยบายขจัดความยากจน และพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ที่ชุมชนสมอเรียง เขตเทศบาลเมืองหัวหิน จำนวน 3 ราย คือ นายบุญช่วย เหล่าหลำ อายุ 83 ปี (ไม่มีอาชีพ) นายพรทวี เหล่าหลำ อายุ 37 ปี (ขาพิการทั้ง 2 ข้าง) และ นางสาวเสาวณีย์ แดงช่วง อายุ 49 ปี (แขนขาอ่อนแรง) โดยให้เจ้าหน้าที่จัดทำข้อมูลพร้อมทั้งมอบถุงยังชีพให้ ทั้งนี้จากที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนการดำเนินงานขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หรือ ศจพ. ซึ่งมีเป้าหมายคือ “การแก้ปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้าแต่ละครัวเรือน” หรือ “การตัดเสื้อให้พอดีตัว” โดยให้ทุกจังหวัดใช้ข้อมูลจากระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (Thai People Map and Analytics Platform) หรือ TPMAP เป็นฐานข้อมูลในการขับเคลื่อน ซึ่งในปี 65 มีคนจนเป้าหมายในระบบจำนวน 1,025,782 คน
นายพลกฤต กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้าด้วย TPMAP เน้นแนวทางขับเคลื่อนการดำเนินงานศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง(ศจพ.)ในระดับพื้นที่ โดยเน้นย้ำ “ความยากจน” คือความเดือดร้อนของประชาชนในทุกเรื่องที่ประชาชนไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอต้องเป็นแม่ทัพ แก้ไขทุกปัญหาความเดือดร้อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม พร้อมเปิดช่องทางสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 เป็นช่องทางรับปัญหาความเดือดร้อนของ ศจพ. รวมถึงขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ ทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อให้เกิดความรับรู้เข้าใจในการการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาลที่จะ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” และให้การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน
“ผู้ว่าราชการจังหวัดเน้นย้ำการแก้ไขปัญหาความยากจนให้เสร็จสิ้นในระดับอำเภอ ซึ่งนายอำเภอต้องมีบทบาทสำคัญในการบูรณาการส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในอำเภอแก้ไขปัญหาด้วยการนำแนวทางจากเมนูแก้จน 5 ด้าน จาก TPMAP ได้แก่ 1) สุขภาพ 2) ความเป็นอยู่ 3) การศึกษา 4) ด้านรายได้ และ 5) การเข้าถึงบริการภาครัฐ หากเป็นปัญหาแตกต่างจากแนวทางดังกล่าวให้หน่วยงานแก้ไขตามอำนาจหน้าที่เป็นรายครัวเรือนต่อไป ทั้งนี้ต้องแก้ปัญหาให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 ก.ย.65 โดยแบ่งเป้าหมายการแก้ไขปัญหาเป็น 3 ระดับ ได้แก่ อยู่รอด พอเพียง และยั่งยืน”
นายนพพร กล่าวว่า การลงพื้นที่ชุมชนสมอเรียงที่บ้านของผู้สูงอายุหลังนี้ ซึ่งได้รับสิทธิสวัสดิการของรัฐและพักอยู่กับลูกและญาติที่เป็นผู้พิการแต่กำเนิด 1 ราย และผู้ป่วยผ่าตัดสมอง 1 ราย แต่สามารถพูดคุยได้อยู่ แต่หลังการผ่าตัดทำให้แขนขาด้านซ้ายอ่อนแรง ซึ่งได้รับบัตรผู้พิการและบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในวันนี้ก็ได้มาจัดทำข้อมูลพร้อมทั้งมอบสิ่งของให้เบื้องต้น และในระยะยาวก็จะให้ทางกองสวัสดิการและสังคมเข้ามาดูแลและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป.
อุดมศักดิ์ นิ่มเซียน.ประจวบฯ