เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธร จังหวัดพัทลุงร่วมตำรวจภาค 9 บุกจับ 2หนุ่มพัทลุง พร้อมยาบ้ากว่า 3 หมื่นเม็ด สารภาพ เริ่มต้นจากการเป็นผู้เสพ ก่อนพัฒนามาเป็นผู้ค้า
เวลา 17.30 น วันที่ 19 ก.ค.65 พ.ต.ท.วิรัตน์ จีนเมือง หน.ชุดปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง พร้อม พ.ต.ต.จรัสโชติ บุญปล้อง สวป.สภ.เมืองพัทลุง นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด และเจ้าหน้าที่ตำรวจปรามปราบ สภ.เมืองพัทลุง ร่วมกับตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดภูธร ภาค 9 ร่วมวางแผนจับกุมตัวนายปรีชา ไหมดำ อายุ 40 ปี หลังสืบทราบว่านายปรีชา กำลังจะนำยาบ้าไปแบ่งขายให้กลุ่มวัยรุ่นในซอยหลังวัด ควนมะพร้าว ตำบลพญาขัน อ.เมืองพัทลุง พร้อมของกลางยาบ้ายาบ้าในกระเป๋าสะพายจำนวน 750 เม็ด ก่อนจะสอบสวนและขยายผลเข้าตรวจค้นที่บ้านของนายปรีชา เลขที่ 66 ตำบลควนมะพร้าว อ.เมืองพัทลุง สามารถตรวจยึดยาบ้าที่ซุกซ่อนอยู่ใต้เบาะรถ จยย ฮอนด้าเวฟ หมายเลขทะเบียน กกข 250 พัทลุง จำนวน 7 ถุง รวม 1,400 เม็ด
นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้สอบขยายผลเข้าตรวจค้นที่บ้านเลขที 375 ชุมชนควนมะพร้าว ถ.อภัยบริรักษ์ ตำบลคูหาสวรรค์ อ.เมืองพัทลุง ของนายภาสกร หรือ แกน เนียมสวัสดิ์ อายุ 49 ปี พบยาบ้าจำนวน 16 ก้อนบรรจุ รวม 32,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในเสื้อผ้าแบบไม้ภายในห้องครัวของบ้าน
เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนเบื้องต้น นายปรีชา ฯ ให้การยอมรับว่า ยาบ้าทั้งที่พบภายใน รถ จยย และที่บ้านของนายแกน เป็นของตนเอง ตนเองมาเที่ยว มากิน มานอนอยู่ที่บ้านนายแกนบ่อยครั้ง จึงนำยาบ้ามาฝากไว้ เพื่อรอการกระจายสู่ลูกค้า โดยให้ค่าฝากนายแกนเป็นยาบ้า ครั้งละ 20 – 30 เม็ด
นายปรีชา ฯ ยังให้การกับเจ้าหน้าที่ด้วยว่า ตนเองเพิ่งพ้นโทษในคดียาเสพติดมาเมื่อ 5 – 6 ปี ก่อนโดยออกมาก็ประกอบอาชีพรับจ้างทาสี แต่เมื่อปีที่ผ่านมา ตนได้กลับมาเริ่มเสพยาบ้าอีกครั้ง เสพไป เสพมา ก็กลับมาค้ายาบ้าอีก ทำมาได้เกือบปีแล้ว โดยรับยาบ้ามาจากพ่อค้าในพื้นที่ภูเก็ต โดยรู้จักกันเพราะพ่อค้าคนดังกล่าวเป็นคนพัทลุง ชื่อนายบอล ซึ่งนายบอล จะนำยาบ้า มาวางให้ตนตามจุดนัดแนะ ทั้งตามเสาไฟฟ้า ริมถนน บ้าง หรือที่บริเวณหาดแสนสุขลำปำบ้าง ตนจะสั่งยาครั้งหนึ่งจำนวน 10 ก้อน รวม 20,000เม็ด โดยเมื่อขายได้ เงินส่วนหนึ่งก็จะส่งกลับไปให้นายบอล แล้วแต่ราคาขายในท้องตลาดและตัวเองเสพยาบ้าวันหนึ่งประมาณ 4 – 6 เม็ด
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
