วุ่นทั้งวัด หญิงสาวสติไม่ดีจุดไฟเผาต้นไม้ใหญ่ อายุ100กว่าปี พระครูผู้ช่วยเจ้าอาวาสเร่งเอาน้ำสาดพบไฟโหมมากขึ้น โทรแจ้งดับเพลิงเข้าช่วยเหลือ
วันที่ 10 กรกฎาคม 2565 เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัยพัทลุงและเจ้าหน้าที่กองป้องกันบรรเทาสารธารณภัย อบจ.พัทลุงพร้อมรถน้ำดับเพลิงเข้าตรวจสอบภายในวัดปรางหมู่ใน ท้องที่ ม.4 ต.ปรางหมู่ อ.เมือง จ.พัทลุง หลังได้รับแจ้งมีเหตุไฟไหม้ ที่เกิดเหตุบริเวณลานวัดพบต้นประดู่ขนาดใหญ่ มีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาและมีไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่ภายในโพรงลึก เจ้าหน้าที่เร่งฉีดน้ำเข้าไปในโพรงเพื่อสกัดไฟไม่ให้ลุกลาม ใช้เวลาประมาน 30 นาทีก็สามารถควบคุมไฟไว้ได้ แต่ยังคงมีกลุ่มควันออกมา คาดว่าภายในโพรงลึกลงไปที่ไม่สามารถฉีดน้ำเข้าถึงอาจจะมีไม้ที่ติดไฟอยู่ ชาวบ้านและพระลูกวัดหวั่นว่าไฟที่กัดกินอยู่ด้านในจะทำให้ต้นไม้หักล้มภายหลัง เจ้าหน้าที่จึงฉีดน้ำใส่ไปในโพรงซ้ำอีกรอบ
พระครูวิสุทธิ พัฒนากร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปรางหมู่ใน เล่ากับทีมข่าวว่า ขณะที่กำลังกวาดใบไม้อยู่ ก็หันไปเห็นกลุ่มควันพุ่งออกจากต้นประดู่ จึงรีบไปหาน้ำมาสาด แต่พบว่าภายในโพรงมีเปลวไฟลุกออกมาด้วย จึงรีบโทรแจ้งขอรถน้ำดับเพลิงเข้าช่วยเหลือดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่เกิดไฟไหม้โพรงต้นประดู่ใหญ่ต้นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเอง ต้องเป็นฝีมือของ น.ส.จูน ชาวบ้านในระแวกใกล้เคียงแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้ น.ส.จูน เคยก่อเหตุจุดไฟเผาต้นไม้ และเผายางรถภายในวัดแล้วด้วย
โดย น.ส.จูน เป็นคนสติไม่ค่อยปกติ แต่ไม่เคยทำร้ายใคร ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ภายในวัด เวลาที่วัดมีการจัดงาน น.ส.จูน ก็จะช่วยเก็บกวาดขยะและจะให้เงินกับ น.ส.จูน เป็นค่าจ้าง ค่าตอบแทน และก่อนหน้านี้ก็เคยว่ากล่าว พร้อมสั่งห้ามกับ น.ส.จูนแล้วว่า อย่าจุดไฟเผาอะไรเล่นภายในวัดอีก จนกระทั่งเกิดเหตุครั้งนี้ขึ้น ซึ่งขณะที่กำลังทีมข่าวกำลังยืนสัมภาษณ์ฯ อยู่ ชาวบ้านก็ได้เรียกพร้อมชี้ให้ดูว่า น.ส.จูน กำลังนั่งพูด นั่งตะโกนด่าคนเดียว อยู่ที่โต๊ะใต้ต้นไม้ ก่อนจะลุกเดินออกมาพร้อมชี้มือ ทำท่าทางคล้ายด่าทอ ก่อนจะเดินออกจากวัดไป ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางวัดก็ไม่ได้ติดใจถือสาเอาความกับผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด
ส่วนชาวบ้านระแวกใกล้เคียงที่ทราบข่าวก็ชวนกันเข้ามาดู และพากันพูดว่าต้นประดู่ต้นนี้เป็นต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ และอยู่เติบโตให้ความร่มเงากับวัดมาเนิ่นนานมาก รู้สึกเสียดายหากข้างในต้นที่โดนไฟไหม้ผุพังจนจะต้องตัดทิ้ง