สามียอมรับแล้วกระทืบเมียดับหลังนั่งดื่มเหล้าขาว

สามียอมรับกระทืบเมียดับหลังดื่มเหล้าขาวห้องเช่าเพื่อน ญาติทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณ

วันที่ 23 ส.ค.65 จากกรณีที่ เมื่อวันที่ 22 ส.ค.65 พ.ต.ท.ภูสิทธิ์ ชาญศรี พนักงานสอบสวน สภ.หนองแค ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่ามีผู้เสียชีวิต ภายในบ้านเช่า เลขที่ 20/41 หมู่บ้านบุญสกุล ซ.1 ต.หนองแค อ.หนองแค จ.สระบุรี จึงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สถิตย์ สังข์ประไพ ผกก.สภ.หนองแค เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.หนองแค เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิกู้ภัยสว่างรัตนตรัยธรรมสถาน จุดหนองแค ในที่เกิดเหตุ เป็นห้องแถวให้เช่าจำนวน 5 ห้อง พบผู้เสียชีวิต เป็นหญิง นอนเสียชีวิตกลางห้องพัก ทราบชื่อ นางวิไลพร (นุช) อะพรรัมย์ อายุ 47 ปี ในสภาพศพ นอนหงาย บริเวณใบหน้าด้านขวามีรอยเขียวช้ำ ตามลำตัว แขน ขา มีรอยช้ำสวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว – แดง ลายการ์ตูน กางเกงขาสั้นสีขาว ข้างกายพบกางเกงขาสั้นสีดำถูกถอดกองอยู่ 1 ตัว ตรวจสอบบริเวณหน้าห้องเช่า พบขวดเหล้าขาว 35 ดีกรีวางกระจัดกระจายอยู่ 4 ขวด มีโต๊ะตั้งอยู่ 2 ตัวบนโต๊ะพบกระติกน้ำแข็ง 1 ใบ ถ้วยจาน ชามถูกวางซ้อนกันไว้ พร้อมด้วยแก้ว ใต้โต๊ะยังพบราวเหล็กแขวนผ้า ซึ่งหักพังเสียหายวางอยู่ใต้โต๊ะ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยร่างของ นางวิไลพร เจ้าหน้าที่ได้มอบให้ เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิกู้ภัยสว่างรัตนตรัยธรรมสถาน จุดหนองแค นำส่งชันสูตรยังสถาบันนิติเวช ศูนย์ธรรมศาสตร์รังสิต เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สอบสวน สภ.หนองแค ได้คุมตัวนาย กรุงทอง สายจันทึก อายุ 65 ปี (สามี)นางวิไลพร อะพรรัมย์ อายุ 47 ปี(ผู้เสียชีวิต) ไปสอบสวน โดยใช้เวลาในการสอบสวนร่วม ชั่งโมง กว่าที่นาย กรุงทอง จะยอมเปิดปากรับสารภาพว่าตนเองเป็นคนลงมือทำร้ายร่างกายเมียของตนจนเสียชีวิต สาเหตุเนื่องมาจากความหึงหวง และประกอบกับดื่มเหล้า เมาด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งปกติตนเองเมื่อดื่มเหล้ากับเมีย ก็จะมีการทะเลาะตบตีกันตลอด ไม่คิดว่าเมียตนเองจะตาย เนื่องจากว่าเมา หลังก่อเหตุ ตนเองก็กลับไปบ้าน โดยปล่อยให้เมียนอนหลับอยู่ภายในห้องเช่าเพื่อน จากนั้นช่วงเวลาตี 5 กว่าๆได้กลับมาปลุกเมียจึงได้รู้ว่าเมียตนเองเสียชีวิตแล้ว ตนเองจึงได้ทำการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เมีย เนื่องจากว่าเมียตนเองนอนไม่ได้สวมเสื้อผ้า และเช็ดอุจจาระ ที่ราดลงพื้นห้อง และนำผ้าถุงที่เมียสวมใส่ นำไปทิ้งบริเวณป่าข้างบ้านเช่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงได้ควบคุมตัว นาย กรุงทอง ส่งต่อ พ.ต.ท.ภูสิทธิ์ ชาญศรี พนักงานสอบสวน สภ.หนองแค เพื่อนำตัวฝากขัง และดำเนินคดีทางด้านกฎหมายต่อไป โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย โดยมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี ส่วนเรื่องการทำแผน ผู้ต้องหาไม่ประสงค์ที่จะทำแผน โดยจะนำตัวนายกรุงทอง ฝากขังยังเรือนจำสระบุรี ในวันที่ 24 ส.ค.65

ส่วนบริเวณบ้านเช่าที่นาง วิไลพร ได้นอนเสียชีวิต ได้มีญาติๆ ได้เดินทางมาจาก จ.บุรีรัมย์ และนิมนต์พระ จำนวน 5 รูปมาทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณกลับบ้าน ตามความเชื่อ โดยจะนำศพ นาง วิไลพร ไปบำเพ็ญกุศลยังวัดบ้านป่าโคกสูง ต.ศรีภูมิ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์

ทางด้าน เด็กชาย ธนรักษ์ อะพรรัมย์ อายุ 14 ปี(ลูกชายผู้เสียชีวิต) เล่าว่า ตนเองอาศัยอยู่กับพ่อ และจะได้รับโทรศัพท์จากแม่เสมอว่า ถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายร่างกายจนเนื้อตัวเขียวช้ำเป็นประจำ คือจะโดนตีบริเวณศีรษะบ้าง จนหัวแตก ซึ่งตนเองรู้สึกสงสารแม่มาก แต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้

ทางด้านญาติพี่น้อง ของนาง วิไลพร (ผู้เสียชีวิต) เผยด้วยน้ำตานองหน้าว่า นาง วิไลพร เป็นลูกคนที่ 3 ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 7 คน วันนี้ได้มาทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณน้องสาวกลับบ้าน โดยจะนำไปยัง จ.บุรีรัมย์ ส่วนสาเหตุที่นาง วิไลพรเสียชีวิต เนื่องจากถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งพวกตนรู้สึกเสียใจมาก เนื่องจากผู้ตายไม่เคยทำร้ายใคร เป็นคนดี ซึ่งตนไม่คิดว่าผู้ก่อเหตุจะทำได้ถึงขนาดนี้ ซึ่งตอนแรกผู้ก่อเหตุไม่ยอมรับ บอกเพียงว่าผู้ตายลื่นล้มในห้องน้ำ ซึ่งพวกตนดูภาพแล้วคิดว่ามันไม่ใช่ตามที่พูดเนื่องจากตามใบหน้า และลำตัวมีรอยเขียวช้ำ พวกตนรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบนี้ ส่วนสาเหตุที่ลงไม้ลงมือถึงตายน่าจะเกิดจากความหึงหวง เห็นคนอื่นคุยกับเมียตนเองไม่ได้ และเมื่อดื่มกินเหล้ากันก็จะทำร้ายเมียตนเองตลอด กลัวเมียจะปันใจให้คนอื่น โดยส่วนตัวแล้วพวกตนไม่ขอ อโหสิกรรมให้ ขอให้ผู้ก่อเหตุรับเวร รับกรรมไป ทำอไรกับน้องตนขอให้ได้รับกรรมที่เจ็บปวดยิ่งกว่านี้อีก

ทางด้านนาง โจ้ เพื่อนร่วมวงเหล้า เผยว่า ตนเองรู้อยู่แล้วว่าสาเหตุที่ถูกทำร้ายร่างกายนั้นผู้ก่อเหตุก็คือ นาย กรุงทอง(สามีผู้ตาย) เนื่องจากว่า ผัวเมีย คู่นี้จะตบตีกันเป็นประจำ เนื่องจากสามี เป็นคนที่ขี้หึงหวง ซึ่งลักษณะการทำร้ายไม่ว่าจะอยู่ตรงไหน ก็จะกระชากเมียมาตบตีได้ตลอด เตะได้ก็เตะ พวกตนก็เห็นอยู่เป็นประจำ โดยไม่สนใจว่าใครจะอยู่ พวกตนเคยห้าม ก็เกือบจะถูกเอามีดมาแทง ซึ่งอุปนิสัยของผัวจะเป็นคนขี้หึง ส่วนเมียไม่มีอะไร ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนกันเองหรือใครก็จะหึงไปทั่ว วันเกิดเหตุ ก็ดื่มกันไม่มากเท่าไร ซึ่งผู้ตายดื่มนิดหน่อยก็เมาแล้ว วันนั้นผู้ตายเดินเข้าห้องน้ำ และเมื่อออกจากห้องน้ำก็กระชากเมียไปตี ซึ่งตนเองก็คิดอยู่แล้วว่าที่เมียเค้าตาย ก็เกิดจากที่ผัวเขาทุบตีนั่นแหละ ตนเองก็ได้บอกกับตำรวจไปแล้ว ไม่มีใครที่จะไปทำร้ายเมียเขาหลอก

ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ จังหวัดสระบุรี


Scroll to Top

แฉข่าวเด่น ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า