วันที่ 21 มิ.ย.65 ที่ Hidden house bar&bed ตำบล ริมกก อำเภอเมืองเชียงราย เชียงราย นายแพทย์เอกภพ เพียรพิเศษ หรือ หมอเอก สมาชิกผู้แทนราษฎร เชียงราย แขต1 เป็น ประธาน เปิดโครงการ “เพื่อนหมอเอก เพื่อนกัญตลอดไป” โดยมี นายเสน่ห์ ภักดี นายกเทศมนตรีตำบลนางแล, นายเอื้ออังกรู เทพสมรส นายกเทศมนตรีตำบลดอยฮาง พร้อมด้วย ประธาน อสม.ตำบลแม่ยาว, ผู้ใหญ่บ้าน บ้านหมู่ 3 ต.แม่ยาว และประชาชนในตำบลนางแล, ตำบลแม่ยาว, ตำบลดอยฮาง จำนวน 100 คน เข้าร่วมโครงการและร่วมรับความรู้จากวิทยากรในการใช้กัญชารักษาโรคและวิธีการจดแจ้งสำหรับปลูกกัญชาในครัวเรือน
นายแพทย์เอกภพ เพียรพิเศษ หรือ หมอเอก กล่าวว่า การที่ตนได้เป็นกรรมมาธิการสาธารณสุข จึงมีส่วนร่วมในการพิจารณาเรื่องกัญชามาตั้งแต่ที่เข้าสภาใหม่ๆ จนถึงตอนนี้ แล้วก็พอตอนนี้มีกฎหมายเปิดให้ประชาชนสามารถใช้กัญชาได้อย่างเสรี ก็ทำให้เกิดความข้าใจผิด และความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับกัญชาพอสมควร ในขณะเดียวกันมีหลาย ๆ คนสนใจนะครับอยากจะเข้ามาศึกษาว่าจริง ๆ แล้วกัญชามีผลดีผลเสียยังไงแล้วก็เอาไปปลูก นำไปใช้ทางเศรษฐกิจได้ยังไร ก็เลยเป็นที่มาในวันนี้ครับ โดยวัตถุประสงค์หหลักๆ คือทำให้ทุกคนเข้าใจว่ากัญชาคืออะไร มีข้อดีข้อเสียของกกัญชา พืชกัญชาเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจได้จริงหหรือ แล้วก็เปิดความเข้าใจของคนที่ร่วมโครงการ ว่า กัญชาจริง ๆ แล้วมีผลดีอย่างไรบ้างและข้อควรระวังอย่างไร
ในวันนี้ที่มีผู้มาร่วมโครงการทั้งสิ้น 100 คน แต่หลังจากประกาศออกไปไม่กี่วันก็มีผู้สนใจลงทะเบียนสมัครมาในช่องทางออนไลน์ที่เราเปิดให้ลงทะเบียน ประมาณ 300-400 คน ทำให้วันนี้มีผู้รับฟังทาง Online และ Offline จำนวนมาก ซึ่งทุกคนที่เข้ารับฟังให้ความสนใจที่อยากจะเรียนรู้ วันนี้ก็เป็นที่มาว่าได้ไลน์ผ่านสื่อโซเชียลของผมด้วย ซึ่งมีการให้ข้อมูลผ่านช่องทางนี้อีกช่องทางหนึ่ง จริงแล้วข่าวสารออกมาในช่วงนี้เนี่ย มันเป็นข่าวสารในเชิงลบค่อนข้างมากทีเดียว แต่หลาย ๆ คนก็ยังอยากจะเรียนรู้ “กัญชา”กว่ารัฐบาลจะปลดล็อค เราได้มีการศึกษาว่ามันเป็นยาเสพติดประเภทไหน รุนแรงขนาดไหน ซึ่งผลที่อออกมากัญชาเป็นยาเสพติดที่มีความรุนแรงน้อยกว่า เมื่อเทียบกับ แอลกกอฮอลล์ และบุหรี่ด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องให้คำแนะนำถึงวิธีการใช้ที่ถูกต้อง เช่น เยาวชน เด็กอายุน้อยกว่า 20 ปี หรือว่าผู้หญิงมีครรภ์ก็ควรจะหลีกเลี่ยง ส่วนเรื่องกัญชาที่เกี่ยวกับอาหาร ทางร้านก็ควรให้คำแนะนำ มีการติดสลากแสดงไว้เพื่อให้ประชาชนนไดด้รับทราบก่อนทานและปริมาณที่ใส่ควรใส่แค่พอดีซึ่งในรื่องนี้เป็นเรื่องละอียดอ่อน ที่ผ่านมากัญชาถูกประกาศให้เป็นยาเสพติดมานาน 1 ชั่วอายุคนแล้ว เพราะฉะนั้นสังคมก็เลยต้องกลับมาเรียนรู้กันใหม่ว่า ทำอะไรได้บ้าง อะไรที่ควรทำได้บ่างและอะไรไม่ควรทำ ดังนั้นช่วงนี้จึงเป็นช่วงเรียนรู้ แล้วหลังจากนั้นก็จะกลับมาสู่ภาวะปกติ แล้วมีการควบคุมที่ดีก็จะทำให้กัญชาเนี่ยไปในทิศทางที่ดีขึ้น ส่วนข้อดีอีกอย่างคือ เราเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ประกาศให้ใช้กัญชาในทางการแพทย์ได้อย่างเสรี มีการปลูกได้อย่างเสรีในการใช้ในครัวเรือน เพราะฉะนั้นแล้วจึงถือเป็นโอกาสของประเทศ เป็นโอกาสของประชาชน บนจุดมุ่งหมายที่ทุกคนจะเข้ามารักษาโรคด้วยกัญชาที่นี่ ทุกคนจะเข้ามาค้นหายากัญชาที่นี่ แล้วก็มารักษาด้วยกัญชาที่นี่ แล้วรวมถึงทดลองเมนูใหม่ ๆ ที่นี่
มีข้อสังเกตที่หน้าสนใจ กับคำถามที่ว่ามีนายทุนขาใหญ่อยู่เบื้องหลังการผลักดันนโยบายกัญชาหรือเปล่า ในฐานะที่ติดตามมาตั้งแต่ต้นในฐานะกรรมมาธิการสาธารณสุข ตนขอยืนยันด้วยหลักฐานว่า ไม่มีนายทุนใหญ่ เพราะว่าหลังจากที่รัฐบาลปลดดล็อกข้อของกฎหมายกัญชาเสรี จะเห็นว่าไม่มีนายทุนรายใหญ่ที่ออกมาขายกัญชา ออกมาขายน้ำมันกัญชา ไม่มีรายใหญ่ที่ออกมาแจกจ่ายกัญชา รายใหญ่ที่สุดคือหน่วยงานราชการ โอกาสของพืชกัญชา ที่จะเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ เปิดโอกาสกว้างสำหรับทุกคน แล้วก็อยากจะให้ทุกคนลองศึกษาดูเพื่อไม่ให้เสียโอกาสจากการที่จะมาร่วมกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นต่อไปในอนาคต
การปลูกกัญชาในตอนนี้ ตามกฎหมายคือ ไม่จำกัดจำนวนต้น แต่ข้อจำกัดก็คือต้องปลูกไว้ใช้ในครัวเรือนไม่ใช่ปลูกเพื่อขาย เพราะฉะนั้นแล้วถ้าปลูกจำนวนมาก ๆ เชิงพาณิชย์ ควรรวมกันเป็นวิสาหกิจชุมชนและไปขอจดทะเบียนกับ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพสต.) ใกล้บ้านก่อน เพราะฉะนั้นการปลูกในครัวเรือน 5 ต้น 10 ต้น ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ซึ่งท่านที่สนใจจะปลูกกัญชาและกัญชง อย.ได้เปิดให้ประชาชนที่สนใจปลูกกัญชา กัญชง เข้าไปลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ ที่แอปพลิเคชัน “ปลูกกัญ” และเว็บไซต์ http://plookganja.fda.moph.go.th แต่หากไม่มั่นใจก็ไปติดต่อ รพสต.ใกล้บ้านได้ หรือว่าโรงพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อขอข้อมูลทำให้การปลูกถูกต้อง