จากกรณีที่ นางเสาวนิจ ภู่อิ่ม อายุ 83 ปี ที่ถูกลูกแท้ๆยื่นฟ้องศาลดำเนินคดีอาญาและแพ่ง ในข้อหา ยักยอกทรัพย์, แจ้งความเท็จ แต่คดีอาญาศาลยกฟ้อง แต่ลูกชายยาย เสาวนิจ ก็ฟ้องคุณแม่ในคดีแพ่งซึ่งจะต้องขึ้นศาลแขวงนนทบุรีในวันที่ 5 เมษายน 65 นี้
ทีมข่าวเดินทางที่บ้านของยายเสาวนิจ เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ไม่พบเนื่องจากยายไปออกรายการทีวีช่องหนึ่ง ทีมข่าวได้พบกับนายพรนารายณ์ มณีรุ่งโรจน์ทวี อายุ 51 ปี ซึ่งเป็นผู้ซื้อที่ดินแปลงที่มีปัญหา และถูกฟ้องฟ้องเป็นจำเลยที่ 3 ให้ข้อมูลว่า ตนซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวมาจากนางถวัลย์รัตน์ ภู่มี เมื่อปี 58 โดยมีนายหน้านำมาเสนอขายให้ แต่เรื่องโฉนดที่เขามีปัญหากันตนไม่รู้เรื่อง เนื่องจากตรวจสอบไปที่ที่ดินแล้วพบว่าเป็นโฉนดจริง จนมาได้รับหมายว่าตนถูกฟ้องให้ไปสืบพยานในวันที่ 23 พฤษภาคม 65 ตนก็แปลกใจว่าตนตกเป็นจำเลยได้อย่างไร เพราะตอนที่ซื้อพบว่าเจ้าของเขามีการนำโฉนดไปขายฝากมาแล้วจำนวน 4 ครั้ง ตนจึงคิดว่าเขาเป็นผู้ครอบครองจนมาได้รับหนังสือจึงตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้สอบถามนางถวัลย์รัตน์ พบว่านายมานัส ภู่มี น้องชายเขาไปฟ้องต่อศาลว่าเขาเป็นผู้จัดการมรดก แต่พี่สาวนำไปขายโดยที่เขาไม่รู้เรื่อง โดยเขาฟ้องแม่ เป็นจำเลยที่ 1 นางถวัลรัตน์ เป็นจำเลยที่ 2 และตนเป็นจำเลยที่ 3
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของนายมานัส เพื่อสอบถามความจริง โดยนายมนัส โชว์เอกสารเป็นโฉนดที่ดินตัวจริงที่เขาครอบครองอยู่พร้อมทั้งหนังสือพินัยกรรมที่พ่อเขาเขียนไว้ระบุว่าให้นายมานัส เป็นผู้จัดการมรดก โดยไปแจ้งความว่าโฉนดหาย แล้วไปขอออกโฉนดที่ดินฉบับใหม่ ก่อนนำไปขาย ส่วนสาเหตุที่ฟ้องเพราะพี่สาวไม่ได้มาบอกพวกเราที่เป็นพี่น้องกันทราบแต่แอบงุบงิบเอาไปขายได้เงินไปคนเดียว
นายมานัส กล่าวอีกว่า เรามีกันอยู่ 4 คนพี่น้อง ก่อนหน้านี้แม่ได้ขายที่ดินไปแปลงหนึ่งเป็นเงิน 10 กว่าล้าน พี่สาวเป็นคนนำเงินไปลงทุนคนเดียวโดยไม่ได้แบ่งให้ตนกับน้องๆ เมื่อพ่อแบ่งที่ดินให้ พวกตนจึงคัดค้านไม่ให้แบ่งที่ดินแปลงนี้กับพี่สาว โดยให้เป็นชื่อของพ่อ ต่อมาพ่อเสียชีวิตที่ดินแปลงดังกล่าวแม่จึงมีสิทธิ์ครอบครองตามกฎหมาย ซึ่งตนเป็นคนเก็บโฉนดไว้ จนมาทราบว่าแม่กับพี่สาวไปแจ้งความหายแล้วไปขอออกโฉนดใหม่ แล้วนำไปขาย ตนมาทราบเรื่องจึงได้ร้องต่อศาลว่าแม่ไม่ใช่ผู้จัดการมรดก ข่าวที่ออกไปทำให้ตนเสียหายว่าฟ้องแม่บังเกิดเกล้า เรื่องจริงตนฟ้องตามสิทธิ์ของผู้จัดการมรดกเท่านั้น แต่แม่มีชื่อเป็นผู้ครอบครองและเป็นโฉนดปลอม จึงต้องฟ้องรวมไปด้วย ตนอยากจะถามพี่สาวว่าแล้วที่เอาเงินที่แม่ขายที่ดินได้ไปใช้หมดทำไม่ไม่พูดให้ประชาชนทราบบ้างว่า เขามีพฤติกรรมอย่างไร เรื่องนี้ตนไม่ขอเคลียร์ทั้งนั้น ต้องนำเงินที่ขายที่ดินแปลงดังกล่าวได้นำมาแบ่งกันอย่างยุติธรรมตนถึงจะไม่ดำเนินคดี
ทีมข่าวได้สอบถามไปที่ทนายของนายมานัส ซึ่งทางทนายชี้แจงว่า การฟ้องครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการฟ้องดำเนินคดีกับแม่ แต่เขาฟ้องในสิทธิ์ของเขาที่เป็นผู้จัดการมรดก ถ้าหากเขาไม่ทำแบบนี้เขาก็อาจจะถูกพี่น้องคนอื่นฟ้องได้ ส่วนคนที่ซื้อไปนั้นเขาก็ไม่ผิดเพราะเขาไม่ทราบว่าโฉนดดังกล่าวมีปัญหา โดยซื้อเพราะเห็นโฉนดนั้นเป็นตัวจริง ลักษณะคล้ายกับกรณีที่พระพะยอม ซื้อที่ดินจากป้าคนหนึ่งแล้วถูกทายาทฟ้องอาคืน ซึ่งทางพระพยอมเขาไม่ได้มีความผิด ตรงนี้ผู้ที่ซื้อไปก็ต้องไปฟ้องเอาเงินคืนจากนางถวัลย์รัตน์ เอง