“อนุชาจับมือสมศักดิ์” เปิดโครงการเลี้ยงโค นำร่องในพื้นที่สุโขทัย

“อนุชาจับมือสมศักดิ์” เปิดโครงการเลี้ยงโค นำร่องในพื้นที่สุโขทัย 1,000 ครัวเรือน หวังสร้างความมั่นคงในครัวเรือน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ยกระดับความเป็นอยู่ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

วันที่ 16 ส.ค.65 นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัยเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม  เปิด “โครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโค เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ภายใต้การดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง พื้นที่ต้นแบบ จังหวัดสุโขทัย ระยะที่ 1 โดยมี นายสุชาติ ทีคะสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.สุโขทัย เขต 1 นายชูศักดิ์ คีรีมาศทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.สุโขทัย เขต 2 นายมนู พุกประเสริฐ นายกอบจ.สุโขทัย นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ เครือข่ายหมู่บ้าน องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน และสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน

นายอนุชาฯ กล่าวว่า คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (บอร์ด กทบ.) ได้อนุมัติโครงการเลี้ยงโคฯ ให้กับพี่น้องกองทุนหมู่บ้านฯ จังหวัดสุโขทัย เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2565 และตนเองได้มาพบพี่น้องกองทุนหมู่บ้านฯ จังหวัดสุโขทัย เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2565 ซึ่งวันนั้นได้ย้ำว่า “อีก ไม่เกิน 3 ปี พี่น้องกองทุนหมู่บ้านฯ จะได้จับเงินแสน ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นเรื่องจริง ขอแค่พี่น้องต้องทำจริง เพราะเราอยากเห็นพี่น้องกองทุนหมู่บ้านฯ ปลดหนี้สินได้ อยากเห็นพี่น้อง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นไม่ต้องยากจนอีกต่อไปแล้ว” วันนี้โครงการเลี้ยงโคฯ มีความคืบหน้าเป็นรูปธรรมแล้ว โดยจะเป็นโครงการนำร่อง ที่สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างอาชีพให้พี่น้องสมาชิก เพราะเมื่อมีรายได้ ก็ลดภาระค่าใช้จ่าย ความยากจนก็หมดไป เศรษฐกิจของประเทศก็ดีขึ้น ขอเพียงพี่น้องสมาชิก มีวินัย รักอาชีพการเลี้ยงโค และคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านฯ จะต้องติดตามถามไถ่ทุกข์สุขคอยให้ความช่วยเหลือสร้างองค์ความรู้ให้กับสมาชิก พร้อมกล่าวย้ำว่า ต้องการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ทำให้มีรายได้และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมถึงสนับสนุนให้เกษตรกรมีส่วนร่วมในการรวมกลุ่ม สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน เพื่อสร้างความมั่นคงในครัวเรือน สำหรับข้อกังวลเรื่องตลาด นายอนุชาฯ ให้ความมั่นใจว่า รัฐบาลพร้อมกับกองทุนหมู่บ้านจะช่วยจัดหา สนับสนุนช่องทางการตลาด ขอให้ผู้เลี้ยงโคอย่าเป็นกังวล ที่สำคัญต้องรักษาคุณภาพเนื้อให้ได้ตามที่ตลาดต้องการ  กองทุนฯ จะไม่ทิ้งให้ประชาชนแบกรับภาระอย่างแน่นอน

ทางด้านนายสมศักดิ์ฯ  กล่าวว่า  โครงการฯ ระยะที่ 1 นี้ ในปีที่ 1-2 สมาชิกที่ได้รับการพิจารณา ไม่ต้องเสียค่าบริหารจัดการใด ๆ คือ ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยอะไร ในปีที่ 1 – ปีที่ 2 และในปีที่ 3-5 สมาชิกจะต้องเสียค่าบริหารจัดการ ร้อยละ 2 บาท  ซึงถือว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก  สำหรับมูลค่าหรือทรัพย์สินที่เกิดจากโครงการฯ ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของพี่น้องสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด ถ้าทำดี ๆ โอกาสในการปลดหนี้สินของสมาชิกอยู่แค่เอื้อมมือ ขอแค่มีความอดทน  วันนี้เป็นการนำร่องในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย จำนวน 1,000 ครัวเรือน  ระยะเวลาดำเนินโครงการ 5 ปี ถ้าพี่น้องกองทุนหมู่บ้านฯ ทำได้ดี ระยะที่ 2 ระยะที่ 3 ก็จะลงมาสู่พี่น้องกองทุนหมู่บ้านฯ แน่นอน ไม่ใช่เฉพาะที่สุโขทัยเท่านั้น แต่จะขยายไปยังทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพราะรัฐบาลเชื่อว่าโครงการนี้ จะเป็นอีกหนึ่งโครงการทางเลือก ในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับครอบครัว และแก้ไขปัญหาหนี้สินต่างๆได้  คุณภาพชีวิตของพี่น้องก็จะดีขึ้น

นายอนุชาฯ ยังกล่าวอีกว่า เชื่อมั่นว่า สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการนี้ จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นอีกหนึ่งช่องทางทำกินที่สามารถขจัดหนี้สิน ขจัดความยากจนได้ ฝากให้กองทุนหมู่บ้าน หน่วยงานในจังหวัด พี่น้องเครือข่ายกองทุนหมู่บ้าน (ทุกระดับ) และคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน โดยเฉพาะคณะทำงานโครงการโคฯ ที่จัดการดูแลโครงการนี้ ขอให้ช่วยกันดูแลสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตามที่รัฐบาลได้มุ่งหวังเอาไว้

ขณะที่ นายถวิล ครุฑจับนาค สมาชิกกองทุ่นหมู่บ้าน หนึ่งใน1,000 ครัวเรือน ที่เข้าร่วมโครงการเลี้ยงโค นำร่องในพื้นที่สุโขทัย กล่าวว่า โครงการเลี้ยงโคนี้มีประโยชน์มาก เนื่องจากที่บ้านของตนเองมีอาชีพทำนาเสียเป็นส่วนมาก อยากมีอาชีพเสริมพอดีกองทุนหมู่บ้านมีโครงการเลี้ยงโคมาให้ ซึ่งตนเองก็ได้ร่วมโครงการโดยนำเงินไปซื้อวัวตัวเมียเป็นวัวกีฬา มา 2 ตัว ในราคา50,000 บาท  เหตุผลที่ตนเองเลือกวัวกีฬามากกว่าวัวเนื้อเนื่องจากวัวปกติขายเนื้อเป็นกิโล แต่พอเราเลี้ยววัวกีฬามันก็จะมีมูลค่าเพิ่มมากกว่าวัวเนื้อถึง 2 เท่า การเลี้ยงวัวกีฬาจะได้ 2 อย่างคือขายเป็นวัวเนื้อก็ได้ขายเป็นวัวกีฬาก็ได้ราคามีมูลค่าเพิ่ม จาก 100 บาทเป็น 200-300 บาท ซึ่งเป็นประโยชน์ที่ดีกับชาวบ้าน คือมันจะไม่เห็นผลในทันทีที่ ปีแรก แต่พอผ่านไปซัก 3 ปี ก็จะเห็นผล เพราะวัวปีหนึ่งจะเกิดลูกได้ 1 ตัวบางปีก็อาจจะได้ 2 ตัวมันก็จะเพิ่มรายได้เพิ่มขึ้นมาอีกเยอะ อย่างของตนเองนั้นโชคดี ที่ซื้อแม่วัวมาอยู่ได้ 1 เดือน มันก็ตกลูก ซึ่งตนเองก็ไม่รู้มาก่อนว่าแม่วัวท้อง นับว่าโชคดีมาก ผลกำไรก็ได้เห็นๆเลย

ด้านผู้แทนสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน กล่าวขอบคุณ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายอนุชา นาคาศัย และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ผู้ผลักดันโครงการเลี้ยงโคให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ถือเป็นการสร้างอาชีพให้ประชาชนสามารถเลี้ยงตัวเองเลี้ยงครอบครัวได้อย่างเข้มแข็ง พร้อมให้คำมั่นสัญญาจะขยันเลี้ยงดูโคให้เติบโต ขยายพันธ์  สร้างรายได้จากการเลี้ยงโค สานต่อนโยบายของรัฐบาล รักษาไว้ให้สืบทอดไปยังลูกหลานต่อไป

ฤดี ธนวณิชย์วรชัย จังหวัดสุโขทัย


Scroll to Top

แฉข่าวเด่น ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า