วันที่ 11 มี.ค.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเมืองสระบุรี พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สระบุรี (พสจ.สระบุรี) และ พระครูปราสาท สรคุณ เจ้าคณะตำบลหน้าพระลาน วัดศรัทธาประชากร ลงพื้นที่ตรวจสอบ ร้านธัญพิชชา การค้า ซึ่งเปิดเป็นร้านมินิมาร์ท ตั้งอยู่ เลขที่ 690/34 ถ.พิชัยฯ ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี เนื่องจากมีชาวบ้านร้องเรียน ไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ว่า พบเห็นบุคคลแต่งกายเป็นพระสงฆ์ มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยพักอาศัยอยู่กับ อดีตภรรยาของพระรูปดังกล่าว เป็นเวลานาน โดยที่ไม่กลับไปอยู่วัด ซึ่งในบางครั้งพระรูปดังกล่าวก็ทำตัวเป็น พ่อค้านั่งขายของอยู่ภายในร้าน เป็นประจำแทบทุกวัน เกรงว่าจะทำความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนา
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าพระรูปดังกล่าว กำลังนั่งฉันภัตราหารเพลอยู่บนโต๊ะอาหารภายในร้าน โดยมีอดีตภรรยานั่งอยู่ที่เก้าอี้อีกมุมหนึ่งของร้าน จากการสอบถามทราบชื่อว่าพระภิกษุ รื่น ฉายา ชิตกาโร อายุ 80 ปี พรรษา 22สังกัดวัดทุ่งโพธิ์ ตำบลอิสาน อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยพระ รื่น พูดว่าตนเป็นพระสามารถพักอาศัยอยู่ที่ไหนก็ได้ ซึ่งการอยู่ด้วยกันนั้น จะบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ มันอยู่ที่ใจ ซึ่งเวลาฉันข้าวอดีตภรรยาก็เป็นคนถวายให้ ตนเองก็ ยะถา สัพพี ให้เวลาจะเอาอะไรเพิ่มก็ไม่ได้รับกับมือ มีการวางไว้ให้จึงได้หยิบ ทางเจ้าหน้าที่พูดว่าการกระทำดังกล่าวทำให้ชาวบ้านไม่สบายใจ ซึ่งอดีตภรรยาตอบกลับมาว่า ตนไม่ได้ไปทำความเดือดร้อนให้กับใคร ซึ่งเมื่อพระรูปดังกล่าวนำอาหารเข้าไปเก็บในครัวแลเมื่อเดินออกมาพบว่านักข่าวกำลังถ่ายอยู่ ก็โวยใส่นักข่าวว่า มันจะอะไรกันนักกันหนา ตนไม่ได้ไปฆ่าไปแกงใครที่ไหน พร้อมกล่าวอีกว่ารู้จักปาราชิกไหม ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกามเรื่องผู้หญิง นึกว่าตนเองเป็นอรหันต์ ซึ่งตนเองไม่เคยพูดคุยกับใครถ้ามาดูถูกตนเองแบบนี้ก็อยากจะให้ฟังหรือมาสนทนาธรรมกัน ใครเก่งธรรมะเชิญเลย โดยที่ตนเองจะยังคงอยู่ภายในร้านดังกล่าวต่อ
ทางด้านอดีตภรรยา(ขอสงวนนาม) เผยว่า ที่พระมาอยู่ที่นี่ เนื่องจากว่าต้องไปหาหมอ และต้องฉีดยา เนื่องจากว่าไม่ค่อยสบาย และเมื่อกลับไปไม่ได้ก็ให้อยู่ที่นี่ไปก่อน ซึ่งการมาอยู่ก็อยู่แบบไปๆมาๆ ซึ่งพระก็บวชมา 20-30 ปีแล้ว
ทางด้านพระครูปราสาท สรคุณ เจ้าคณะตำบลหน้าพระลาน(วัดศรัทธาประชากร) เผยว่า ได้รับการร้องเรียนไปว่า มีพระภิกษุมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านเป็นเวลานาน ซึ่งมาขายของด้วย ทำให้ทางญาติโยมเห็นว่าการกระทำดังกล่าวไม่เหมาะสม ก็เลยร้องเรียนไปยังสำนักงานพุทธ ซึ่งทางสำนักงานพุทธได้แจ้งมายังอาตมาให้เข้ามาตรวจสอบ จากการตรวจแลสอบถามดูทราบว่าพระรูปนี้ได้เข้ามาอยู่เป็นระยะเวลานาน เป็นแรมปีแล้ว และไม่ได้ไปไหนมาอยู่เป็นประจำซึ่งทำให้เกิดความไม่เหมาะสม และไม่ถูกต้อง ซึ่งพระควรจะมีสังกัด และอยู่ที่วัด ซึ่งการที่จะมาที่บ้านได้ก็ควรจะมาเป็นบางครั้ง บางคราว ไม่ควรจะมาอยู่ประจำเป็นเวลานานๆ ถ้ามาเยี่ยมโยมก็มาเยี่ยมได้ ซึ่งมา 2-3 วันหรืออาทิตย์หนึ่งก็ยังไม่น่าเกียจ ซึ่งไม่ควรที่จะมาอยู่เป็นประจำเป็นแรมปีแบบนี้ เป็นการที่ไม่เหมาะสม ซึ่งมาการมานั่งขายของด้วยแล้วยิ่งไม่เหมาะสมใหญ่ ซึ่งในเรื่องนี้จะมีความผิดในเรื่อง ของกฎระเบียบของมหาเถรสมาคม ซึ่งเป็นคำสั่งของมหาเถรสมาคมว่า ภิกษุต้องมีที่พักเป็นหลักแหล่ง ซึ่งควรที่จะพักอยู่ในวัด ในอารามมีสังกัดที่ชัดเจน ซึ่งไม่อนุญาตให้มาอยู่บ้านเป็นเวลานานแบบนี้
พระครูปราสาท เผยต่อว่า จากการตรวจอบแล้วพบว่าเป็นจริงตามที่ชาวบ้านร้องเรียนมา และเมื่อให้พระรูปดังกล่าวกลับไปยังสังกัดแล้ว แต่ว่าเขายังไม่ยอมกลับ ทางเราก็จะแจ้งไปยังต้นสังกัด ว่าพระที่อยู่ในความดูแลของท่านได้มาพักอาศัยอยู่ที่บ้าน และกระทำพฤติกรรมเช่นนี้ โดยไม่เชื่อฟังและไม่ยอมกลับไปวัด ซึ่งมาอาศัยอยู่ที่บ้านเป็นระยะเวลาอันยาวนาน ซึ่งเป็นการละเมิดคำสั่งมหาเถรสมาคม ซึ่งเจ้าหน้าที่มากล่าวตักเตือนแล้วก็ไม่ฟัง จึงได้ทำการบันทึกไว้แล้ว ซึ่งจะนำเรื่องนี้แจ้งไปยังเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ ต้นสังกัดให้ทราบ โดยจะให้ทางเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์เรียกพระรูปนี้กลับไปยังจังหวัดบุรีรัมย์ แต่ถ้าทางต้นสังกัดมีการเรียกไปแล้ว พระรูปนี้ยังไม่ไปก็จะให้ทางเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ ทำหนังสือมายัง สำนักงานพุทธศาสนา ว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งถ้าหากพระรูปนี้กลับไปยังสังกัดก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าหากเรียกแล้วไม่กลับ ทางเราก็จะอาศัยเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินการตามขั้นตอนที่มหาเถรสมาคมให้วิธีการปฏิบัติมา โดยสามารถจับสึกได้เลย ซึ่งสั่งมหาเถรสมาคม เรื่อง ห้ามภิกษุสามเณรเที่ยวเตร็ดเตร่และพักค้างแรมตามบ้านเรือน พ.ศ.2521 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มหาเถรสมาคมออกคำสั่งมหาเถรสมาคมไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 4 ห้ามภิกษุสามเณรเที่ยวเตร็ดเตรไปในที่ต่างๆ โดยไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
ข้อ 5 ห้ามภิกษุสามเณรพักค้างแรมตามบ้านเรือนติดต่อกันเกินสมควรโดยไม่จำเป็น
(๑) ในกรณีที่ภิกษุสามเณรรูปนั้นมีหนังสือสุทธิโดยถูกต้อง ให้เจ้าอาวาสหรือเจ้าคณะเจ้าของท้องที่แล้วแต่กรณี แนะนำภิกษุสามเณรรูปนั้นให้กลับสำนักเดิม พร้อมกับรายงานเจ้าอาวาสเจ้าสังกัดทราบ โดยผ่านเจ้าคณะภาคเจ้าสังกัดของภิกษุสามเณร รูปนั้น
(๒) ในกรณีที่ภิกษุสามเณรรูปนั้นเมื่อสอบสวนแล้ว ปรากฏว่ามีหนังสือสุทธิปลอม ให้เจ้าอาวาสหรือเจ้าคณะเจ้าของท้องที่ดำเนินการให้ภิกษุสามเณรรูปนั้นสละสมณเพศแล้วมอบตัวให้ฝ่ายบ้านเมืองดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมกับรายงานเจ้าคณะตามลำดับ จนถึงมหาเถรสมาคม
ทางด้าน นาง สมบัติ พงษ์พรต เจ้าหน้าที่สำนักงานพุทธศาสนา จ.สระบุรี เผยว่าขณะนี้ทาง พสจ.สระบุรีได้ดำเนินการ แจ้งเบาะแสพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระภิกษุ รูปดังกล่าว ไปยังเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ แล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 มกราคม ที่ผ่านมาซึ่งก็ผ่านมาเป็นเวลา 2 เดือนแล้ว ซึ่งทาง สนง.จะเร่งติดตามเร่งรัดไปยังจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งครั้งนี้ยังคงต้องรอหนังสือตอบรับกลับมาจากเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งทางเราก็ได้ประสานกับทางเลขาทางเจ้าคณะจังหวัดแล้ว คาดว่าอย่างช้าไม่น่าจะเกิน 7 วันจะทราบผล
ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ จังหวัดสระบุรี