ทนายชื่อดัง พร้อมนายช่างรังวัดที่ดิน รังวัด-ปักหมุดที่ธรณีสงฆ์ เพื่อทำการออกโฉนด ตามหลักฐานครอบครองที่ดิน (ส.ค.1)วัดป้อมรามัญ
จากกรณี นายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความชื่อดัง ตัวแทนวัดป้อมรามัญ ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้มีการยื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องการออกโฉนดที่ธรณีสงฆ์ ที่ดินของวัดป้อมรามัญ การยื่นขอรังวัดสอบเขตที่สาธารณะรอบวัดป้อมรามัญทั้ง 4 ทิศ และยื่นขอรังวัดที่ดินที่เป็นที่ธรณีสงฆ์ในส่วนที่ขาดไปจาก ส.ค.1 เพื่อทำการออกโฉนด กับรังวัดที่ดินของสำนักงานที่ดินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปก่อนหน้าแล้วนั้น จนกระทั่งวันที่ 7 ธันวาคม 2564 ทางสำนักงานที่ดินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ส่งหนังสือแจ้งให้กับทางเจ้าอาวาสวัดป้อมรามัญ ถึงเรื่องการรังวัดที่ดินใหม่ ตามหลักฐานการแจ้งครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) เลขที่ 2 หมู่ 4 ต.สวนพริก อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อทำการออกโฉนดในส่วนที่ธรณีสงฆ์ โดยให้ไปพบนายกะเชณ มุสิการุณ นายช่างอาวุโส หัวหน้าฝ่ายรังวัด ปฏิบัติหน้าที่แทนเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนัดหมายให้มีการรังวัดที่ใหม่ในวันที่ 9 มีนาคม 2565เวลา 10.00 น.
ล่าสุดวันนี้ 9 มีนาคม 2565 นายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความชื่อดัง ตัวแทนวัดป้อมรามัญ พร้อมด้วย นายพงษ์พัฒน์ สวัสดิ์คง ทนายความดำเนินการรังวัดออกโฉนดที่ดิน นางอุมาภรณ์ พูลเสน นายช่างรังวัดชำนาญงาน สำนักงานที่ดินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มาทำการรังวัด-ปักหมุดที่ดินซึ่งเป็นที่ธรณีสงฆ์ และยังคงใช้เป็นประโยชน์สาธารณะ ที่ยังไม่เคยออกโฉนด เพื่อทำการออกโฉนดในส่วนที่ขาดหายไปใหม่ โดยมีผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 และชาวบ้านตำบลสวนพริกมาคอยสังเกตการณ์
นายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความชื่อดัง ตัวแทนวัดป้อมรามัญ เปิดเผยว่า ที่ดินของวัดป้อมรามัญทั้ง 4 ทิศ ไม่ได้ติดกับพื้นที่ของใคร โดยรอบวัดมีลำรางสาธารณะล้อมรอบ ต่อมาได้มีการตัดถนนเพื่อใช้เป็นประโยชน์สาธารณะร่วมกันตัดผ่านที่ดินที่วัดป้อมรามัญครอบครองอยู่ ที่ส.ค.1 ซึ่งแต่ก่อนเป็นด้านหลังวัด ( ปัจจุบันเป็นที่หน้าวัด ) และในวันนี้ทางจ้าหน้าที่รังวัดที่ดินของสำนักงานที่ดินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มาทำการรังวัดที่ดินที่เป็นที่ธรณีสงฆ์ในส่วนที่ขาดหายไปตามคำขอของวัดป้อมรามัญ
ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ส่วนเรื่องการรังวัดสอบเขตที่สาธารณะนั้น ชาวบ้านก็ยังรอคำตอบจากทางเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในพื้นที่ ว่าพื้นที่สาธารณะที่เป็นคลองลำราง และทางสาธารณะนั้น มีอาณาบริเวณ จากไหนถึงไหน เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดินไว้ให้ใช้ร่วมกันได้