เมื่อวันที่ 28 ก.พ. นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3) สาขาเพชรบุรี ได้รับรายงานจาก นางสาวสุพร พลพันธ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ว่ามีชาวบ้านพบช้างป่าเสียชีวิต 1 ตัว พิกัดที่ 47 P 0575731 E 1325946 N บ้านเข็ดกา หมู่ที่ 12 ต.บ่อนอก อำเภอเมืองประจวบฯ จึงพร้อมด้วย นายสุวรรณ วงค์นะรัตน์ พนักงานพิทักษ์ป่า หัวหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ กร.3 นายสัตวแพทย์จามร ศักดินันท์ นายสัตวแพทย์ชำนาญการพิเศษ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดประจวบฯ เจ้าหน้าที่โครงการอนุรักษ์สัตว์ป่า WWF ประเทศไทย พนักงานสอบสวน สภ.อ่าวน้อย และทีมสัตวแพทย์สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดประจวบฯเข้าตรวจสอบเป็นช้างป่าเพศผู้มีงาครบ อายุประมาณ 15-20 ปี หนักประมาณ 3 ตัน นอนตะแคงขวาเสียชีวิตในสภาพขึ้นอืดมีหนอนและแมลงวันตอมอยู่เต็มส่งกลิ่นเหม็นทั่วอยู่ใกล้ร่องห้วย ภายในป่าเสื่อมโทรมเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีติดกับพื้นที่ทำกินของราษฎรบริเวณหุบผึ้ง คาดว่าตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 วัน
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องตรวจโลหะสแกนตามตัวช้างพบวัตถุต้องสงสัยบริเวณเหนือโคนหางจำนวน 1 จุด ก่อนให้สัตวแพทย์ทำการผ่าออกมาพบเป็นกระสุนปืนลูกซอง ขนาดเบอร์ 12 จำนวน 1 เม็ด บริเวณสะโพกถัดจากโคนหางขึ้นมาด้านบนประมาณ 50 เซนติเมตร โดยลูกกระสุนอยู่ในชั้นกล้ามเนื้อลึกจากผิวหนังประมาณ 10 เซนติเมตร จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนทำการผ่าช่องท้องพบการอักเสบและก้อนหนองในช่องท้องโดยเฉพาะบริเวณที่ติดกับกระดูกสันหลังช่วงเอวเป็นแนวยาวจนถึงอุ้งเชิงกรานด้านขวา และพบการฉีกขาดของผนักช่องท้องบริเวณท้องและอุ้งเชิงกราน
โดยทีมสัตวแพทย์สันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุการเสียชีวิตของช้างป่าเกิดจากการอักเสบและติดเชื้อของช่องท้อง (peritonitis) ก่อนนำตัวอย่างเศษอาหารในกระเพาะส่งยังห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง จากนั้นได้นิมนต์พระสงฆ์มาสวดบังสุกุลให้ช้าง ใช้รถแบคโฮทำการขุดฝังกลบซากช้าง พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ และโรยปูนขาวรอบๆตามหลักวิชาการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนนำหลักฐานเข้าแจ้งความเพื่อหาตัวคนยิงช้างมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
อุดมศักดิ์ นิ่มเซียน.ประจวบฯ
