ลอบเผาไร่อ้อยไฟลุกท่วม จ.สระแก้ว แค่ออกคำสั่งห้ามไร้มาตรการจริงจัง

เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 17 ม.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงาน ภาพของคนงานชาวกัมพูชาจำนวนหนึ่ง กำลังเร่งจุดไฟเผาไร่อ้อยในพื้นที่ อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว ในช่วงหัวค่ำจนเกิดเปลวไฟลุกไหม้ท่วมสูง จนกระทั่งบางจุดเกิดเปลวไฟลุกท่วมสูงเกือบถึงสายไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งระหว่างการเผาเกิดควันไฟทั่วพื้นที่และมีฝุ่นละอองจากการเผา หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า หิมะดำ ปลิวกระจายไปในพื้นที่ต่าง ๆ รอบบริเวณรัศมีหลายกิโลเมตร ซึ่งขณะถ่ายภาพการเผาดังกล่าว พบบริเวณใกล้เคียงกันมีการเผาอีกไม่ต่ำกว่า 5 จุดในรัศมี 1-2 กม. ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ตระเวนตรวจสอบการเผาพืชผลการเกษตรด้วยวิธีการเผาในพื้นที่ 3 อำเภอ ประกอบด้วย อ.วังสมบูรณ์ อ.คลองหาด และ อ.วังน้ำเย็น พบว่า มีการเผากระจัดกระจายทั่วพื้นที่ทุกอำเภอ โดยช่วงเวลาระหว่าง 18.00 น.ถึง 20.30 น.ถือเป็นเวลาทอง สำหรับการเผาไร่อ้อย ซึ่งจากการสอบถามผู้รับเหมาตัดอ้อย บอกว่า ขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าของที่ดิน เพราะหาพื้นที่ไหนไม่สามารถใช้รถตัดอ้อยเข้าไปดำเนินการได้ ก็ต้องใช้วิธีเผาเป็นหลัก เนื่องจากแรงงานชาวกัมพูชาไม่ชอบตัดอ้อยสด เพราะได้น้อยและล่าช้า ทำให้ตั้งแต่กลางเดือน ธ.ค.64 เป็นต้นมา หลังโรงงานเปิดหีบก็มีการเผาเรื่อยมา ส่วนการจับกุมของเจ้าหน้าที่นั้น ผู้รับเหมาบอกว่า มีการเคลียร์กับเจ้าหน้าที่โดยสมาคมแล้ว ทำให้ไม่มีการจับกุม

สำหรับ จ.สระแก้ว โดยนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้มีคำสั่งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสระแก้ว เรื่อง จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5)จังหวัดสระแก้ว ปี พ.ศ.2564–2565 และประกาศกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสระแก้ว เรื่อง ห้ามเผา ไร่นา ขยะและสร้างฝุ่นละอองขนาดเล็ก แจ้งประชาสัมพันธ์ไปยังชุมชน/หมู่บ้าน เมื่อเดือน ธ.ค.64 ที่ผ่านมา ห้ามมีการเผาวัสดุในครัวเรือน เศษวัชพืชในที่รกร้าง เผาหญ้าในเขตไหล่ทางในพื้นที่เขตเมือง และในพื้นที่การเกษตรโดยเด็ดขาด รวมทั้งห้ามเผา ในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 มาตรา 25 ,26 ,28 และมาตรา 74 มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และกรณีถ้าเป็นเหตุทำให้เกิดไฟไหม้ป่า ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้ ซึ่งมีโทษปรับสูงสุด 150,000 บาทหรือ จำคุกสูงสุด 15 ปี และการทำให้เกิดไฟไหม้แม้จะเป็นของตนเอง จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่น ๆ หรือทรัพย์สินผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุก 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 แต่ปรากฏว่า ยังคงมีการเผาอย่างต่อเนื่อง และยังไม่เคยมีการจับกุมแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบคุณภาพอากาศจังหวัดสระแก้ว ประจำวันที่ 17 ม.ค.65 ที่ผ่านมา พบว่า ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่ จ.สระแก้วอยู่ที่ระดับปานกลาง 49 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนค่าดัชนีคุณภาพอากาศ หรือ AQI อยู่ที่ระดับปานกลาง 96 ระดับสีเหลือง ขณะที่การติดตามสถานการณ์ข้อมูลจุดความร้อน หรือ Hotspot จากดาวเทียม Suomi NPP ระบบ VIIRS ในพื้นที่ จ.สระแก้ว โดยสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสระแก้ว พบว่า ข้อมูลการเผาเมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา เกิดขึ้นในเขตป่าสงวนแห่งชาติ 2 จุดและเขต สปก. 1 จุด สะสมตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.64-16 ม.ค.65 พบการเผาในป่าสงวนฯ 15 ครั้ง ,ป่าอนุรักษ์ 2 ครั้ง ,ที่ดิน สปก. 76 ครั้ง ,พื้นที่เกษตร 58 ครั้ง ,พื้นที่ริมทาง 3 ครั้ง และพื้นที่ชุมชนและอื่น ๆ 6 ครั้ง รวม 160 ครั้ง ซึ่งไม่รวมการเผาในพื้นที่ไร่อ้อยที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ที่มีการเผาเป็นจำนวนมากในช่วงหัวค่ำทุกวันดังกล่าวแต่อย่างใด

นายยุทธนา  พึ่งน้อย  ผู้สื่อข่าวจังหวัดสระแก้ว


Scroll to Top

แฉข่าวเด่น ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า