ตำรวจ บช.ปส. ติดตามขบวนการค้ายาเสพติด ลำเลียงยาบ้า และเคตามีนจำนวนมาก จากชายแดนไทย – ลาวติดแม่น้ำโขง ก่อนจะลำเลียงเข้ามาในพื้นที่ชั้่นในของประเทศ เพื่อนำส่งโซนกลาง ไม่รอดถูกสืบสวนจัยกุม ดำเนินคดี และขยายผลยึดทรัพย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค.65 เวลา 01.00 ร. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ภายใต้การอนวยการของ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง ผบก.ปส.3 บช.ปส. พ.ต.อ.กฤษดา ศรีอิสาณ ผกก.2 บก.ปส.3 ได้ทำการจับกุม นาย อนันต์สิทธิ์ อายุ 21 ปีชาว ต.แม่เปา อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย, นาย ธเนศ อายุ 28 ปี ชาว ต.หนองหล่ม อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา และนาย เซ้ง อายุ 41 ปี ชาว ต.แม่เปา อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย พร้อมด้วยของกลาง 8,800,000 เม็ด และยาเคตามีนชนิดเกล็ดบรรจุในถุงพลาสติกน้ำหนักรวมประมาณ 50 กิโลกรัม
โดยการจับกุมในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบ ว่าขบวนการค้ายาเสพติดจะขนยาเสพติดจำนวนมากมาจากชายแดนไทย-สปป.ลาว ด้าน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ไปเก็บไว้พื้นที่ อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย จึงได้นำกำลังออกสกัดกั้นบนถนนสายเลี่ยงเมืองหรือบายพาสสายเชียงแสน-เชียงราย ได้ตรวจพบมีรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีฟ้า ทะเบียน ผผ-3097 เชียงใหม่ ขับไปตามถนนมุ่งหน้าจะไปทาง อ.เมืองเชียงราย โดยมีรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา ทะเบียน บต-3081 พะเยา และรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า สีดำ ทะเบียน 1กธ-1218 เชียงราย ขับนำทาง ตรงตามที่ได้รับแจ้ง
ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำกำลังออกติดตามและสามารถสกัดรถทั้งหมดได้ที่ ต.บ้านเหล่า อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย จากการตรวจสอบที่มีรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีฟ้า ทะเบียน ผผ-3097 เชียงใหม่ ได้บรรทุกกระสอบฟางเต็มคัน เมื่อเปิดดูภายในพบว่าเป็นยาบ้ารวมจำนวนเบื้องต้นทั้งหมดประมาณ 8,800,000 เม็ด และเคตามีน ชนิดเกร็ด จำนวน 50 กิโลกรัม ทางเจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมตัวทั้ง 3 คนเอาไว้ พร้อมของกลาง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทราบว่าของกลางทั้งหมดนำมาจากพื้นที่ ต.แม่เงิน อ.เชียงแสน ชายแดนไทย-สปป.ลาว ที่ติดกับแม่น้ำโขง เพื่อจะนำไปพักใว้ในพื้นที่ชั้นในก่อนจะส่งต่ออีกครั้ง โดยเจ้าหน้าที่ได้ ” ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า, ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (เคตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต และจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (เคตามีน) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน ” จากนั้นนำตัวพร้อมของกลางไปขยายผล และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.