ชาวบ้านร้องสื่อพระหลอกยืมเงินชาวบ้าน รวมยอดเกือบ 1ล้าน

ชาวบ้านร้องสื่อพระหลอกยืมเงินชาวบ้านแล้วหลบหนีออกจากวัดไม่มีใครติดต่อได้ เฉพาะคนในหมู่บ้านและคนนอกพื้นที่เกือบล้านบาท แม้แต่พระด้วยกันก็โดนหลอก หลังมาขออยู่วัดกว่า 10 ปี จนสร้างความศรัทธาไว้ใจ

วันที่ 10 พ.ค.2565 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านเบง ต.ศรีณรงค์ อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ พบกับชาวบ้านจำนวนหนึ่งที่เป็นผู้สูงอายุพร้อมกับได้สอบถามทราบว่ามีพระรูปหนึ่งชื่อว่าพระอาจารย์บุญทวี โทติบุญโย หรือพรมเลิศ เป็นพระจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านเบงหรือสำนักสงฆ์บ้านเบง หมู่ 2 ต.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ ได้ยืมเงินจากชาวบ้านหลายคนในหมู่บ้าน  พอเข้าไปสอบถามก็บอกว่าเดี๋ยวจะคืนให้ จนกระทั่งเข้า 2 เดือนกว่า พระอาจารย์บุญทวี โทติบุญโย หรือพรมเลิศ ได้หายออกจากวัดไปไม่มีใครติดต่อได้ ชาวบ้านจึงได้รวบรวมรายชื่อผู้เดือดร้อนของพระรูปนี้ได้กว่า 27ราย เงินเกือบ 1 ล้านบาท

ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่วัดเบงที่พระอาจารย์บุญทวี โทติบุญโย หรือพรมเลิศ จำพรรษาอยู่ พบกับพระอยู่ภายในวัดดังกล่าว 1 รูป พร้อมกับสอบถามทราบว่าพระอาจารย์บุญทวี โทติบุญโย หรือพรมเลิศ นั้นได้มาจำพรรษาที่วัดนั้นกว่า 7 ปีแล้ว ซึ่งจะเป็นพระนักพัฒนาไม่เคยมีในเรื่องของยาเสพติดหรือของมึนเมาหรือสีกา แต่มาช่วง 2 ปีมานี้จะมีปัญหาเรื่องเงินๆทองๆ ขนาดพระลูกวัดเองยังถูกหลอกยืมเงินด้วย

นางพรเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า  ตนนั้นรวบรวมหลักฐานรายชื่อผู้เสียหายในหมู่บ้านของตนนั้นไว้ได้ 27 รายชื่อแล้วมูลค่าความเสียหายมากกว่า 5 แสนบาท ซึ่งตนก็เป็นหนึ่งในนั้นแต่โชคยังดีที่ได้คืนมาบางส่วนบ้างแล้ว ยังคงเหลือเงินที่ไม่ได้คืนอยู่เพียง 5,000 บาทเท่านั้น และที่รู้มาจากการพูดคุยยังมีคนต่างพื้นที่ต่างจังหวัดอีกหลายคน รวมหลายแสนบาท ที่ยังไม่ได้มาร่วมลงชื่อ ตนจึงอยากให้คนที่เสียหายเข้ามาร่วมกันลงชื่อแจ้งความดำเนินคดีกับพระบุญทวีเพราะตนไม่อยากให้ บุคคลนี้ออกไปหลอกลวงผู้อื่นอีก นางพรยังกล่าวอีกว่า ตนนั้นเคยถามพระบุญทวีว่าทำไม ถึงต้องใช้เงินอยู่บ่อยครั้ง พระบุญทวีเล่าให้ตนฟังว่า พระบุญทวีนั้นเคยมีอดีตภรรยาแต่ตอนนี้แม่ของอดีตภรรยาป่วยติดเตียงต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลใช้เงินจำนวนมากจึงต้องหยิบยืมเงินญาติโยมไปช่วยเหลืออดีตภรรยา และยังบอกกับตนอีกว่า ตัวพระกับอดีตภรรยานั้นหลังจากมาบวชแล้วก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกัน เพียงแต่ทางอดีตภรรยามาขอความช่วยเหลือเท่านั้นพระบุญทวีจึงให้เงินช่วยเหลืออดีตภรรยาไป  นางพรเล่าต่อว่า ตนสงสัยพระบุญทวีว่าทำไมใช้เงินเยอะจึงสอบถามพระบุญทวีว่าพระบุญทวีได้เล่นการพนันออนไลน์หรือไม่ พระบุญทวีเคยบอกกับนางพรว่าพระไม่เล่นการพนันออนไลน์หรือสล็อตแต่อย่างไรเพราะเล่นไม่เป็น ที่ผ่านมา พระบุญทวีไม่เคยมีพฤติกรรมทำผิดอะไรไม่เคยมีเรื่องดื่มเหล้า หรือมั่วสีกาในวัด เป็นพระนักพัฒนาก็ว่าได้ แต่มาช่วงหลังๆปลายปีทึ่แล้ว ที่มีเรื่องการยืมเงินเกิดขึ้น จนมาตอนนี้พระบุญทวีก็หนีหายออกจากวัดไป ติดต่อทางไหนๆก็ไม่ได้อีกเลย ไม่รู้ว่ายังอยู่ในผ้าเหลืองหรือสึกไปแล้วก็ไม่รู้ นางพรกล่าว….

นายสมจิต ยอดรัมย์ อายุ 36ปี อดีตพระลูกวัดบ้านเบง เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนนั้นเคยบวชเป็นพระลูกวัดอยู่ที่ สำนักสงฆ์บ้านเบง โดยมีพระบุญทวีเป็นพระที่ดูแล โดยพระบุญทวียืมเงินสดไปเป็นจำนวนเงิน 37,000 บาท ยืมไปตอนตนบวชอยู่ ตนให้เป็นเงินสดไม่ได้โอนให้ แต่ตนนั้นเขียนบันทึกจดไว้ว่าพระบุญทวียืมเงินไป 37,000 บาท เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 64  โดย พระบุญทวีอ้างว่า ที่บ้านมีปัญหาต้องการใช้เงิน ตนจึงเอาให้และไม่คิดว่าจะโดนหลอกเพราะเห็นว่าเป็นพระผู้ใหญ่น่าเลื่อมใส ไม่คิดว่าจะมาทำกันแบบนี้ ทุกวันนี้นี้ก็ติดต่อไม่ได้ โทรไปก็ไม่รับสาย สำหรับตนนั้นเงินเพียงหนึ่งพันบาทก็มีค่า นี่เงินตั้ง 37,000 บาทซึ่งเป็นเงินเก็บของตนตลอดชีวิตสูญไปหมดเลย ตนต้องทำงานเก็บเงินใหม่เพื่อจะนำมาประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองต่อไป นายสมจิตกล่าว….

คุณยายเขียด แก้วดวงตา  อายุ 70ปี  เล่าว่า ตนนั้นได้ให้เป็นเงินสด จำนวน 2,000 บาท ลูกสาวคนกลางที่อยู่ต่างประเทศอีก 5,000 บาท และลูกสาวคนโตโดนไป 8,000 บาท รวมความเสียหายครอบครัวตนนั้นแล้ว 15,000 บาท ตอนแรกนั้นตนก็ไม่ทราบว่าลูกสาวโดนยืมเงินไปด้วย จนได้มีการพูดคุยกันถึงรู้ว่าลูกสาวต่างก็โดนพระบุญทวีมายืมเงินเหมือนกัน โดยคุณยายเขียดบอกว่า ที่ตนให้เพราะสงสารเห็นว่าแม่พระไม่สบายน้องพระที่เฝ้าแม่อยู่โรงพยาบาลไม่มีเงินซื้อข้าวกินเห็นพระลำบาก ยายเลยให้ยืมไป ยืมไปตั้งแต่เดือน พฤศจิกายนปีที่แล้ว เคยถามไปหนึ่งครั้งพระบุญทวีบอกยังไม่มีคืนให้ ยายก็เลยไม่เคยทวงถามอีกเลย จนมารู้เรื่องว่ามีอีกหลายคนโดนยืมเงินเหมือนยาย บางคนถึง 2แสนกว่าบาท ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าพระบุญทวีไปอยู่ไหน เพราะติดต่อไม่ได้ ส่วนเรื่องการดำเนินคดีนั้นรอปรึกษาผู้นำหมู่บ้านก่อนว่าจะเอายังงัยต่อไปดี ยายเขียดกล่าว…

สัมภาษณ์ หลวงพี่พระลูกวัดได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า หลวงพี่นั้นได้บวชอยู่วัดนี้มานาน 5 ปีแล้วมีพระจำวัดอยู่ราวๆ10รูป และหลวงพี่ได้รู้จักกับพระบุญทวีเพราะพระบุญทวีเป็นหัวหน้าที่พักสงฆบ้านเบงแห่งนี้  พระบุญทวีได้อยู่ที่พักสงฆ์นี้มาร่วม 7 ปีแล้ว ไม่เคยแสดงพฤติกรรมผิดหลักสงฆ์เป็นพระนักปฏิบัติด้วยซ้ำ แต่มาช่วงปีหลังๆมานี่ พระบุญทวีก็เริ่มมีพฤติกรรมใช้เงินเยอะและหยิบยืมเงินจากชาวบ้านและพระสงฆ์ด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งตนนั้นก็ถูกยืมกับเขาด้วยเช่นกันเป็นเงินอยู่จำนวนหนึ่ง แต่พระบุญทวีก็ได้ใช้ทยอยใช้มาให้บ้างแล้ว ยังคงเหลือยอดอยู่เพียงแค่ 3,000 บาทเท่านั้นที่ยังไม่ได้จากพระบุญทวี หลวงพี่ยังเล่าต่ออีกว่า หลังจากมีผู้เสียหายที่สูญเงินกว่า 2 แสนบาทมาทวงเงินนั้น ทางพระบุญทวีก็ได้หนีหายออกจากวัดไปเพราะความแตก ชาวบ้านต่างถูกหลอกยืมเงินหลายสิบคนต่างพากันมาทวงถาม พระบุญทวีหนีหายออกจากที่พักสงฆ์แห่งนี้ตั้งแต่เดือนมีนาคมร่วม 2 เดือนกว่าแล้ว ติดต่อทางไหนก็ไม่ได้มือถือที่เคยใช้ก็ปิด Facebook ก็ปิดและบล็อก โดยทางวัดนี้ก็มีชาวบ้านทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัดมาถามหาพระบุญทวีอยู่เป็นประจำก็ด้วยเรื่องเงินยืม และในตอนนี้หลวงพี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพระ บุญทวีอยู่ที่ไหนเพราะติดต่อไม่ได้เลย.

ภาพ/ข่าว: เขมชาติ ชุณหกิจขจร / รมิตา สิงหเสรี ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดสุรินทร์


Scroll to Top

แฉข่าวเด่น ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า