รวบสาว เพิ่งออกจากคุกกลับมาตระเวนลักทรัพย์แฟลตทหาร ตรวจประวัติก่อเหตุมานับไม่ถ้วน
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 24 มิ.ย. พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.รังสรรค์ สอนสิงห์ ผกก.สน.ดอนเมือง โดย พ.ต.ท.มหพล มีเสน รองผกก.สส.สน.ดอน พ.ต.ต.ภาคิน ดอกไม้ สว.สส.สน.ดอนเมือง ร.ต.อ.สมโซค คงตำหนิ รอง สว.สส.สน.ดอนเมือง และฝ่ายสืบสวน สน.สายไหม โดยพ.ต.ต.สุวิทย์ หล่มศักดิ์ สว.สส.สน.สายไหม ร.ต.อ.สุนทร ไตรเวช ร.ต.อ.รุ่งโรจน์ โมฆะ รอง สว.สส.สน.สายไหม ร่วมกันจับกุมนางอารีย์ สีดี อายุ 54 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา 1278/2565 ลงวันที่ 23 มิถุนายน 2565 พร้อมของกลางพระเครื่องกว่า 120 องค์ คีมตัดกุญแจ 1 อัน คีมปากนกแก้ว 1 อัน ไขควง 2 อัน กระเป๋าใส่เครื่องมือ และชุดที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ 2 ชุด โดยจับกุมได้บ้านเลขที่ 81/95 หมู่บ้านทองไพศาล ซ.ศาลธนบุรี แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กทม.
สืบเนื่องจากวันที่ 14 มิ.ย. ผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง มีคนร้ายเข้าก่อเหตุลักทรัพย์ภายในห้องพักชั้น 4 แฟลตข้าราชการทหารสัญญาบัตร 3 ทุ่งสีกัน ถนนเดชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. ได้ทรัพย์สินไปเป็น สตางค์เหรียญกว่า 6000 บาท ล็อกเก็ตกรอบทองคำ 1 เหรียญ พระเครื่องกว่า 30 องค์
ต่อมาวันที่ 20 มิ.ย. ผู้เสียหายอีกรายเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสน.สายไหม มีคนร้ายเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์ในแฟลตข้าราชการทหารสัญญาบัตร 14 ( ท่าดินแดง ) ในพื้นที่สน.สายไหม ได้ทรัพย์สินเป็น พระเครื่องจำนวน 80 องค์ นาฬิกาข้อมือ 7 เรือน รวมมูลค่ากว่า 3 หมื่นบาท ไอแพทแอร์ 1 เครื่อง เครื่องเล่นเกมส์นินเทนโด 1 เครื่อง มูลค่ารวมทรัพย์สินกว่า 100,000 บาท
ต่อมาฝ่ายสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อพบคนร้ายเป็นหญิงสูงวัยซึ่งจากการตรวจสอบยังพบว่าทั้ง 2 จุดที่ถูกก่อเหตุเป็นคนร้ายคนเดียวกัน จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับ จากนั้นนำหมายค้นเข้าจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางได้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
จากการสอบสวนนางอารีย์ ยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุเข้าไปลักทรัพย์ในแฟลตทหารดอนเมืองจริง โดยวันก่อเหตุนั่งรถมาลงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิก่อนนั่งรถเมล์มาลงสถานีรถไฟดอนเมือง แล้วเรียกวินให้มาส่งที่แฟลต ทีแรกตนไม่รู้ว่าเป็นแฟลตทหารและอยู่ตรงไหน เลยบอกให้วินมาส่งแฟลตสูงๆตรงที่เห็น จากนั้นวินก็เข้ามาส่งถึงได้รู้ว่าเป็นแฟลตทหาร
จากนั้นได้เดินขึ้นไปบนอาคารและเลือกห้องที่ล็อกกุญแจด้านนอก ก่อนใช้ตีมตัดเหล็กตัดแม่กุญแจแล้วเข้าไปรื้อค้นเอาทรัพย์สิน และจะเลือกเป็นของมีค่าที่มีขนาดเล็ก รวมถึงพระเครื่อง จากนั้นเรียกรถวินให้ไปส่งด้านนอกแล้วขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้านพัก ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ตนเคยถูกจับในข้อหาลักทรัพย์มาแล้วกว่า 7 ครั้ง ถูกตัดสินจำคุก 8 ปี และเพิ่งออกมาเมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมาหลังจากออกจากคุกก็กลับบ้านดูและแม่ ก่อนจะหันกลับมาก่อเหตุอีกครั้งเพราะไม่มีเงิน ทรัพย์สินที่ได้มาที่ส่วนใหญ่จะเป็นพระเครื่องก็จะแกะเอาเฉพาะกรอบ เงิน ทอง ขายรถที่มารับซื้อตามบ้าน พระเครื่องไม่เคยเอาไปขายที่ไหน และไม่รู้ว่าจะไปขายใครเลยเก็บไว้ ส่วนทรัพย์สินอื่นๆ ถ้าเป็นเงินก็เอามาใช้ส่วนตัว ส่วนทรัพย์สินอื่นๆที่ผู้เสียหายระบุว่าหายไปด้วยนั้นตนยืนยันว่าไม่ได้เอาไป
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การเนื่องจากยังมีทรัพย์สินอื่นๆอีกหลายรายการที่หายไปอทิ ไอแพท สร้ายคอ นาฬิกา ที่ผู้เสียหายแจ้งไว้ยังหาไม่พบ และจากการตรวจสอบพบประวัติก่อเหตุมาอย่างโชคโชน และเคยถูกจับดำเนินคดีมาแล้วหลายท้องที่ สน.แสมดำ สน.บางขุนเทียน สน.ท่าข้าม สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ สภ.บางเลน นครปฐม สภ.เมืองสมุทรสาคร ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบสวนขยายผลตามทรัพย์สินที่เหลือนำกลับมาคืนผู้เสียหาย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาบุกรุกเคหะสถาน และลักทรัพย์ในเคหะสถาน ( สถานที่ราชการ ) และทำให้เสียทรัพย์ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสน.ดอนเมือง พร้อมประสานพนักงานสอบสวน.สน.สายไหม อายัดตัวดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป