ปารีณาน้อมรับคำตัดสินของศาล และขอทำใจก่อนจะคิดทำอะไร

หลังจากที่ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษา ให้นางสาวปารีณา  ไกรคุปต์  ส.ส.ราชบุรี เขต 3  พรรคพลังประชารัฐ  ให้พ้นจากตำแหน่ง ส.ส. พร้อมกับตัดสิทธิ์การเลือกตั้ง เป็นเวลา 10 ปี และห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต  เนื่องจาก นางสาวปารีณา ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง  กรณีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนในจังหวัดราชบุรี อันเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม 

ในวันนี้ 7 เม.ย.65 บรรยากาศที่หน้าบ้านของนางสาวปารีณา นั้นพบว่าปิดประตูเงียบ  ไม่มีใครเข้าออกเหมือนที่ผ่านมาจากนั้นผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อ เพื่อขอเข้าพบและพูดคุย โดย น.ส.ปารีณาได้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียที่เศร้าสร้อยว่า ตนรับทราบผลการพิจารณาคดีแล้ว ซึ่งตนขอน้อมรับคำพิพากษาของศาล และไม่ขอพูดคุยแสดงความคิดเห็นใดๆ ในเวลานี้ตนยังไม่มีแผนรองรับ ขอเวลาทำใจสักพัก เนื่องจากเวลานี้ไม่มีไก่ให้เลี้ยง ไม่มีสภาให้ไปประชุม และไม่ต้องลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน เหมือนเป็นคนไม่มีงานทำ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว หลังจากทำใจได้แล้ว ค่อยมาคิดว่าจะทำอะไรต่อไป และคงจะไม่มีการแถลงข่าวใดๆ ต่อสื่อมวลชน

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นางสำนวน ผลกาย อายุ 67 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 4 ต.บางโตนด อ.โพธาราม เปิดใจว่า หลังทราบข่าว ส.ส.ปารีณา ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ก็รู้สึกเสียดาย เพราะในมุมมองของตน ส.ส.ปารีณา เป็นคนน่ารัก และยังเป็นกันเองกับชาวบ้าน ทุกเทศกาล ทุกงาน ทุกความเดือดร้อนของชาวบ้าน ส.ส.ไม่เคยตกบกพร่อง  ทั้งนี้ ในส่วนของคำพิพากษา หากผิดก็ว่ากันไปตามผิด  แต่ตนก็อยากฝากไปถึง ส.ส.ปารีณา ขอให้มีกำลังใจใช้ชีวิตต่อไป เหนื่อยเพื่อชาวบ้านมามากแล้ว ถือซะว่าเป็นการพักผ่อน

ส่วนบรรยากาศบริเวณหน้าฟาร์มไก่  เขาสน 2  ตั้งอยู่ในหมู่ 6  ต.รางบัว  อ.จอมบึง  จ.ราชบุรี  ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นเหตุที่ทำให้ศาลฎีกามีคำพิพากษาว่า นางสาวปารีณา มีความผิด  โดยพบว่าบริเวณประตูทางเข้านั้นยังมีร่องรอยของล้อรถทั้งขนาดใหญ่และเล็กเข้าออกภายในฟาร์ม  แต่บริเวณหน้าฟาร์มมีการปิดประตูล็อคเอาไว้  และมีช่องทางเดินเข้าออกด้านข้าง ภายในมีร่องรอยของผู้อยู่อาศัย  เนื่องจากมีเสื้อผ้าตากอยู่  ซึ่งคาดว่าอาจจะมียังมีการประกอบกิจการหรืออาจจะมีการขนย้ายอุปกรณ์ที่อยู่ด้านในออกมา

สำหรับป้ายข้อความว่า  พื้นที่ตรวจยึดบริเวณนี้ปรากฏการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 ฐาน “ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า เข้ายึดถือและครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาติ” พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 “ยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถางทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาติ” และความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 ฐาน “เข้าไปยึดถือครอบครอง ก่อสร้าง เผาป่า ทำด้วยประการใด ให้เป็นการทำลายหรือทำให้เสื่อมสภาพที่ดินในที่ดินของรัฐโดยไม่มีสิทธิครอบครอง หรือมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” เป็นพื้นที่ที่อยู่ในเขต ป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายแม่น้ำภาชี จำนวนเนื้อที่  41-1-59 ไร่ และป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 จำนวนเนื้อที่ 4-3-81 ไร่ รวมจำนวนเนื้อที่ 46-1-40 ไร่ ตาม ปจว. ข้อ 4 ลงวันที่ 2 ธ.ค.62 เวลา 17.00 น. กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตรวจยึดโดย หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ รบ.1 (จอมบึง) หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้จอมบึง สังกัดศูนย์ป่าไม้ราชบุรี สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10(ราชบุรี) กรมป่าไม้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ปิดประกาศ ณ วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2562    นั้นเริ่มซีดจนแทบมองไม่เห็นข้อความและยังล้มพิงกับรั้วลวดหนามอยู่

ส่วนการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ที่จะมีขึ้นแทนนางสาวปารีณา  นั้นคาดว่านายทวี  ไกรคุปต์  ผู้เป็นพ่อของนางสาวปารีณา  ได้วางตัวนายสีหเดช  ไกรคุปต์   นายกอบต.บางโตนด  อ.โพธาราม  จ.ราชบุรี  ซึ่งเป้นพี่ชายและเพิ่งได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกอบต. เมื่อสมัยที่ผ่านมา  ให้ลงรับสมัคร ส.ส. ในเขต 3 แทน  เพราะที่ผ่านมาในพื้นที่ดังกล่าว ครอบครัว ไกรคุปต์  ยังครองพื้นที่มาตั้งแต่สมัย  นายทวี ไกรคุปต์  มาจนถึงนางสาวปารีณา  และคาดว่าหากมีการเปิดรับสมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส. นามสกุล ไกรคุปต์  ก็อาจจะกลับมาครองพื้นที่อีก


Scroll to Top

แฉข่าวเด่น ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า