ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 7 ธ.ค. 64 ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะเกษ ชาวบ้านกุดโง้ง ต.โพนข่า อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ จำนวน 34 คน นำโดยนางสมใจ ลาลุน อายุ 71 ปี ได้เข้ายื่นหนังสือถึง นายวัฒนา พุฒิชาติ ผวจ.ศรีสะเกษ ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด เนื่องจากชาวบ้านทั้งหมดได้รับความเดือดร้อน เพราะมีพระเข้าตั้งที่พักสงฆ์ในที่ดินของชาวบ้านกว่า 80ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินที่เคยทำกินทำไร่ทำนา ทำสวนกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ แต่มาถึงทุกว่าวันนี้ ชาวบ้านไม่สามารถเข้าทำประโยชน์ได้ เพราะพระห้าม เข้าไปแผ้วถางทำไร่ ปลูกผักปลูกต้นไม้ ทำนา ก็ถูกพระมาด่ามาไล่ จนชาวบ้านได้ชุมนุมขับไล่ในที่พักสงฆ์ตามที่ได้เคยเสนอข่าวไปเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2564 โดยมี นายสำรวย เกษกุล รอง ผวจ.ศรีสะเกษ ออกพบปะกับประชาชน พร้อมรับเรื่องร้องเรียน โดยมีนายบุญชวัฒน์ ปัญญาแดง ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรม จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย นางดาลัด หิรัญไพบูลย์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน
นางสมใจ ลาลุน กล่าวว่า ที่มาร้องเรียนต่อท่านผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่มาร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดผ่านศูนย์ดำรงธรรมในวันนี้ เนื่องจาก พวกเราชาวบ้านเดือดร้อนจริงๆ มีที่ดินก็ไม่สามารถเข้าไปทำประโยชน์ได้ ต้องการให้ทางท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งเข้าไปดำเนินการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านด้วย พวกเราอายุมากกันแล้วเกรงว่าจะตายไปก่อนที่ดินของพวกเราก็จะเสียไป ต้องการให้ที่ของเรากลับอยู่กับลูกหลานของเราให้ลูกหลานได้ใช้ประโยชน์เพราะเป็นที่ดินที่ทำกินสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน พระมาจากที่อื่นไม่มีอะไรมา ไม่มีญาติพี่น้องอยู่ที่นี่มาอยู่ก็จะฮุบเอาที่ของพวกเรา ดังนั้น ชาวบ้านที่เป็นเจ้าของนี้ไม่ยอม ป้าก็ไม่ยอมเด็ดขาด จะสู้ต่อไป
ซึ่ง นายสำรวย เกษกุล รอง ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า เรื่องที่ดินแปลงดังกล่าวนี้ ต้องรอการพิสูจน์สิทธิ์ ว่าเป็นที่ดินของรัฐหรือเป็นที่ดินมีเอกสารสิทธิ์ของเอกชน ซึ่งทางจังหวัดก็ได้แจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปตรวจสอบและให้รายงานมาที่จังหวัด เวลานี้ก็ได้มีการแจ้งมาบ้างแล้ว จังหวัดก็จะได้จัดให้มีการประชุมพิจารณาเรื่องของทุกหน่วยงานที่ส่งมาว่า ตกลงแล้วที่ดินเป็นตรงนั้นเป็นที่ดินประเภทไหน ถ้าพิสูจน์สิทธิ์ได้แล้วก็จะนำไปสู่การแก้ไขต่อไป
ด้านพระ สุนทร จันทวังโส ประธานที่พักสงฆ์ป่าศรีโนนกอก กล่าวว่า ตั้งแต่แรกที่ได้เข้ามาอยู่ที่นี่ ก็เพราะมีญาติโยมในหมู่บ้านนี้นิมนต์มา พอมาอยู่ก็ได้ทำการพัฒนา มีการทำสะพานข้ามลำห้วยเข้ามา พอเห็นมีสะพานมีทางเข้าสะดวก ชาวบ้านก็เลยเปลี่ยนใจอยากได้ที่ตรงนี้ ซึ่งก่อนนี้ บริเวณนี้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า ชาวบ้านเขาจับจองกันแต่ชาวบ้านเขาก็ได้ปล่อยทิ้งร้างมาดินแถวนี้ทำอะไรไม่ค่อยได้ผล ตอนหลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้เห็นพระมาตั้งที่พักสงฆ์อยู่ ก็ได้ฝากให้ดูแลป่า ดูแลต้นไม้ เมื่อมีชาวบ้านเข้ามาบุกรุกก็แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ก็เข้ามาห้ามปราม ชาวบ้านก็ไม่พอใจพระ จึงมีเรื่องร้องเรียนกันเรื่อยมายาวนานแล้ว.
ณัฐธรชนม์ สิริโชติสกุล / ศรีสะเกษ
