รวบแล้ว!! คนร้ายชิงทองคำหนัก 3 บาท ที่ห้างทองเยาวราช

วันที่ 26 ธันวาคม 2564 พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น.1 พร้อมด้วยพล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.สุรพงศ์ ธรรมพิทักษ์  พ.ต.อ.ทนงศิลป์ มณีโชติ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ รองผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก ผกก.สน.คันนายาว พ.ต.ท.วีระ งามเลิศ รองผกก.(สอบสวน) สน.คันนายาว ตำรวจฝ่ายสืบสวนบก.สส.บช.น. ตำรวจฝ่ายสืบสวนบก.น.2 และตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.คันนายาว ร่วมกันจับกุมนายศุภวิชญ์ ขันธทัต 22 ปี คนร้ายบุกเดี่ยวพร้อมอาวุธปืนชิงทองคำหนัก 3 บาท ที่ห้างทองเยาวราช เลขที่ 36 ปากซอยคู้บอน 2 ถนนคู้บอน แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพฯ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2564 ทั้งนี้สามารถจับกุมนายศุภวิชญ์ได้ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านวัชรพลซอย 3 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพฯ เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา

ทั้งนี้จากการตรวจสอบภาพไล่ภาพจากกล้องวงจรปิดหลังเกิดเหตุพบคนร้ายเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ใช้ในการก่อเหตุทิ้งภายในซอยคู้บอน 4  แยก 1 ก่อนจะเดินออกมาแล้วปีนกำแพงข้ามไปยังซอย 6 เพื่อเอารถจยย.ที่จอดทิ้งไว้ แล้วขับรถจยย.คาวาซากิ z250 สีแดง ทะเบียน 3 กต 5821 กรุงเทพมหานครหลบหนี ไปตามถนนรามอินทรา ก่อนที่จะเข้าไปหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านวัชรพล ซอย3 เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอหมายค้นเข้าไปตรวจสอบและจับกุมตัวได้ดังกล่าว

ภายหลังจากการจับกุมตัวได้เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายศุภวิชญ์ มาชี้จุดประกอบคำรับสารภาพ ที่บริเวณห้างทองเยาวราช เลขที่ 36 ปากซอยคู้บอน 2 ถนนคู้บอน แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพฯ ตั้งแต่ก่อนเข้าไปในร้าน และขณะใช้อาวุธปืนบีบีกันเข้าไปข่มขู่ชิงเอาทองคำหนัก 3 บาท และชี้จุดหลบหนี บริเวณซอยคู้บอน 4 แยก 1   นายศุภวิชญ์ รับสารภาพว่าได้ก่อเหตุจริง เนื่องจากต้องการนำเงินเอาไปใช้หนี้ จำนวน 4-5 หมื่น ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้นเป็นอาวุธปืนบีบีกัน

พล.ต.ท.สำราญ เปิดเผยว่า นายศุภวิชญ์นำทรัพย์สินที่ได้ไปขายร้านทอง 3 แห่ง เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนจนได้ความชัดเจน ผู้ต้องหาสมัครใจนำชี้จุดที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณผู้ปฏิบัติทั้งฝ่ายสืบสวน ฝ่ายป้องกันปราบปราม สน.คันนายาว ร่วมกับ ฝ่ายสืบสวนบก.น.2  สืบสวนนครบาล  ทั้ง 3 หน่วยจับกุมได้รวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมง ส่วนของกลางทางพนักงานสอบสวนได้ติดต่อร้านทั้ง 3 แห่งแล้ว  ส่วนทางพนักงานของร้านเปิดประตูให้เข้าออกนั้น ฝากทางร้านทอง ธนาคาร กรณีผู้ที่ใช้บริการสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ต้องให้ถอดหมวกก่อน แต่กรณีดังกล่าวก่อนผู้ต้องหาหลบหนีได้ใช้ปืนข่มขู่ การจับกุมในครั้งนี้ได้พยานหลักฐานโดยใช้กล้องวงจรปิดเป็นหลัก ทั้งนี้ได้จับกุมตามนโยบายของพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ที่ให้ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม

ทั้งนี้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ทางบช.น. ขอฝากให้ช่วยกันป้องกันเคหะสถานทางร้านต้องป้องกันตัวเอง ตามนโยบาย 5 ป้อง ได้แก่ ป้องกันเคหะสถาน ป้องกันตัวเอง ป้องกันยานพาหนะ ป้องกันการตกเป็นเหยื่อโซเชียลมีเดีย ป้องกันโรคโควิด และ 4 เตรียม ได้แก่ เตรียมยานพาหนะให้พร้อม เตรียมสภาพร่างกาย เตรียมข้อมูล และเตรียมจิตใจให้พร้อม ให้อภัยกันบนท้องถนน


Scroll to Top

แฉข่าวเด่น ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า