ไม่รอด!!จับอีกหนึ่งในสองผู้ต้องหาก่อเหตุปล้นร้านทองนริศรา

ตำรวจภูธรภาค 5 สั่งการให้ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูนควบคุมตัวผู้ต้องหาชิงทองร้านทองนริศราทำแผนประกอบคำรับสารภาพหลังหลบหนีไปกบดานจังหวัดอยุธยา ตำรวจภูธรภาค 5 ตำรวจภูธรลำพูนติดตามจับกุมตัว

โดยการอำนวยการของพลตำรวจโทปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 สั่งการให้ พลตำรวจตรี วรพงศ์ คำลือ ผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 5 พลตำรวจตรีมงคล สัมภวะผล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน และจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดลำพูนคุมตัวคนร้ายจี้ชิงทองรายที่ 2 หลังถูกตามจับถึง จ.อยุธยา มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพทีร้านทองนริศรา ตลาดจตุจักร หลังก่อเหตุขึ้นเครื่องบินหลบหนีเข้ากรุงเทพฯวางแผนหนีออกไปประเทศเพื่อนบ้านแต่มาถูกจับกุมตัวเสียก่อน

ต่อมาวันนี้ทาง พ.ต.อ.ดนัย ใจกล่ำ  ผกก.สืบสวนภูธรจังหวัดลำพูน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจภูธร จ.ลำพูน นำตัวนายนพรัตน์ เอี่ยมสะอาด อายุ 35 ปี หนึ่งในสองผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุปล้นร้านทองนริศรา สาขาตลาดจตุจักร มาส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.เหมืองจี้ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน มาสอบปากคำเพิ่มเติม

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 24 เมษายน ที่ผ่านมา นายนพรัตน์ เอี่ยมสะอาด อายุ 35 ปี หนึ่งในสองผู้ต้องหาที่ร่วมกับนายศุภกร แก้วเกิด หรือเฮียแดง หรือชื่อในวงการพนันว่า เฮียยุต อายุ 64 ปีขับรถยนต์กระบะใช้อาวุธปืนลูกซองยาวและอาวุธปืนสั้นแบบลูกโม่จี้ชิงทองร้านทองนริศรา กาดจตุจักร ตำบลป่าสัก อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ได้ทองรูปพรรณไปน้ำหนักรวม 53 บาท และหลังก่อเหตุนายศุภกร ได้นำทองไปซุกซ่อนไว้ในบ้านและเป็นที่ทำการบริษัทรีไซเคิ้ล  แล้วเปลี่ยนรถพานายนพรัตน์ไปส่งขึ้นเครื่องบินที่สนามบินเชียงใหม่ไปลงที่ดอนเมือง เพื่อหลบหนีโดยได้สร้อยคอทองคำน้ำหนัก 5 บาทติดไป 1 เส้น นอกนั้นนายศุภกรเก็บซุกซ่อนไว้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะกดดันอย่างหนัก  จนกระทั่งให้ลูกสาวกล่อมให้มอบตัว ต่อมาหลังก่อเหตุได้เพียง 5 ชั่วโมงเศษ นายศุภกรได้ยอมมอบตัวโดยขับรถยนต์กลับมาที่บ้านเพื่อมอบตัว และสารภาพว่าได้เป็นผู้ก่อเหตุจี้ชิงทองจริงร่วมกับนายนพรัตน ซึ่งเป็นหลานของตัวเอง และเคยมีประสบการณ์ในการปล้น และถูกจับกุมติดคุกที่เรือนจำจังหวัดพิษณุโลก 15 ปี พึ่งพ้นโทษมาเมื่อเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา เดิมทีนั้นได้ชวนคนรู้ตักอีกคนหนึ่ง เพื่อร่วมกันปล้น แต่อีกคนมาดูลาดเลาแล้วเกิดถอดใจไม่ขอร่วมปล้นครั้งนี้ ขอถอนตัวกลับไปก่อน นายศุภกรจึงร่วมกับนายนพรัตน์หลานชายเพียงสองคน

หลังก่อเหตุจากนั้นนายนพรัตน์หลบหนีโดยขึ้นเครื่องที่สนามบินเชียงใหม่ลงสนามบินดอนเมือง แล้วหลบหนีวนเวียนอยู่ในกรุงเทพ และได้ปิดมือถือ แต่ยังเล่นเฟสอยู่โดยเข้ามาตอบคอมเม้นท์เพื่อนในเฟสบุ๊ค ส่วนตัว เป็นสติ๊กเกอร์ แล้วหลอกล่อเจ้าหน้าที่โดยการเช็คอินอยู่แถวกรุงเทพฯ แต่ได้หลบไปอยู่ที่วัดไก่เตี้ย หมู่ที่ 2 ตำบลบ้านรุน อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสืบทราบว่ามาหลบซ่อนตัวอยู่ในวัดจึงได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา บุกเข้าจับกุมได้ ที่วัดดังกล่าวเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ จากการสอบสวนนายนพรัต์ทราบว่ากำลังเตรียมตัวหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน  เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยามาถึง สภ.เหมืองจี้

ต่อมา พล ต.ต.มงคล  สัมภวะผล ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ลำพูน พร้อมด้วยรบ พ.ต.อ.สามพราน จันทร์มั่งคั่ง ผู้กำกับการ สภ.เหมืองจี้ ได้นำตัวนายนพรัตน์ฯ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่ร้านทองนริศรา สาขาตลาดจตุจักร โดยนายนพรัตน์ ได้เป็นคนที่กระโดดข้ามตู้ทองข้ามไปหยิบทองรูปพรรณทั้งหมดโยนให้นายศุภกร ก่อนที่จะเดินออกมาหยิบทองรูปพรรณจำนวน 5 บาทจากคอหุ่น ออกมาและนำติดตัวไป จุดที่ 2 เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายนพรัตน์ ไปชี้จุดที่เปลี่ยนรถในโรงงานรับซื้อของเก่าของนายศุภชัย ที่บ้านหนองซิว ต.ป่าสัก อ.เมือง จ.ลำพูน ก่อนที่นายศุภกรจะส่งตัวนายนพรัตน์ ขึ้นเครื่องบินหนีไปกรุงเทพนจนถูกจับกุมตัวในที่สุด ซึ่งก่อนที่คนร้ายทั้งสองจะก่อเหตุได้ขับรถมาดูลาดเลาหลายครั้ง ซึ่งก่อนที่จะลงมือปล้นคลาดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจที่ขี่รถมาตรวจ ไม่กี่นาทีเท่านั้นซึ่งขณะนั้นคนร้ายรอจังหวัดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจขี่รถออกไปจากที่เกิดเหตุจึงลงมือปล้น

นิวัตร  ธาตุอินจันทร์ รายงาน


Scroll to Top

แฉข่าวเด่น ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า