จากกรณีเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2565 เวลา 18.14 น. หอผู้ป่วย ๑/๕ รพ.ปทุมธานี ได้รับผู้ป่วยโควิด ๒ ราย จากศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเอกชน (อยู่แถวหมู่บ้านเมืองเอกจังหวัดปทุมธานี) ซึ่งทั้งสองรายเป็นเพศชายทั้งคู่ อายุเท่ากัน เป็นผู้ป่วยติดเตียง ให้อาหารทางสายยาง ไม่สามารถสื่อสารได้ และรับเข้าดูแลในห้องผู้ป่วยห้องเดียวกัน
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 11 มี.ค.65 ที่ห้องประชุมสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานีนายแพทย์ภุชงค์ ไชยชิน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี นายแพทย์ยรรยง เสถียรภาพงษ์ รองผอ.โรงพยาบาลปทุมธานี นายแพทย์อภิชน จีนเสวก รักษาการแพทย์เชี่ยวชาญ(ด้านเวชกรรมป้องกัน)สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี นางพรทิพย์ คะนึงบุตร หัวหน้าโรงพยาบาลปทุมธานี ได้แถลงข่าวสรุปผลดำเนินการกรณี ระบุตัวผู้ป่วยผิดพลาด
ด้านนายแพทย์ภุชงค์ ไชยชิน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่าโรงพยาบาลปทุมธานีได้รายงานผลดำเนินการ กรณีระบุตัวผู้ป่วยผิดพลาด ดังนี้เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2565เวลา 18.14 น. หอผู้ป่วย 1/5 รพ.ปทุมธานี ได้รับผู้ป่วยโควิด 6 รายจากศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเอกชน (อยู่แถวหมู่บ้านเมืองเอกจังหวัดปทุมธานี) ซึ่งทั้งสองรายเป็นเพศชายทั้งคู่ อายุเท่ากันเป็นผู้ป่วยติดเตียง ให้อาหารทางสายยาง ไม่สามารถสื่อสารได้ และรับเข้าดูแลในห้องผู้ป่วยห้องเดียวกันวันที่ 20 มกราคม 2565 เวลา 04.00 น. ทางหอผู้ป่วยแยกโรค 1/5 ต้องเตรียมรับผู้ป่วยหนักรายอื่นจึงได้ย้ายผู้ป่วย 2 รายนี้ไปหอผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรวม (3/3) และด้วยผู้ป่วยทั้ง 6 รายนี้ มีสภาพอาการใกล้เคียงกัน ย้ายในเวลาใกล้เคียงกัน จึงคาดว่าน่าจะมีการสลับป้ายชื่อผู้ป่วย แต่ผู้ป่วยทั้ง 2 รายยังได้รับการรักษาตามอาการของแต่ละคน และหอผู้ป่วยได้มีการสื่อสารกับญาติของผู้ป่วยทั้งสองเป็นระยะทางโทรศัพท์ เนื่องจากไม่สามารถให้ญาติเยี่ยมได้ตามมาตรการเฝ้าระวังโรคโควิดของโรงพยาบาล จนวันที่ 23 มกราคม 2565 เวลา16.00น. ผู้ป่วยรายหนึ่งมีอาการทรุดลงและเสียชีวิต รพ.จึงได้ประสานแจ้งญาติให้มารับศพไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา แต่ญาติไม่สามารถดูใบหน้าได้เนื่องจากเป็นผู้ป่วยโรคโควิด-19 ต้องบรรจุศพในถุงชิปล็อค 2 ชั้น ซึ่งญาติได้ประกอบพิธีการทางศาสนา และเก็บกระดูกไว้ส่วนหนึ่ง ส่วนผู้ป่วยอีกรายได้รับการรักษาจนพ้นระยะการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 แต่ยังมีภาวะปอดอักเสบจึงย้ายไปรับการรักษาที่หอผู้ป่วยอายุรกรรมชาย และแจ้งอาการแก่ญาติเป็นระยะโดยญาติยังไม่ได้รับการอนุญาตให้เข้าเยี่ยมตามมาตรการโควิด-19 จนกระทั่ง วันที่ 7มีนาคม 2565 เวลา 20.30 น. ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยหอบ ทรุดลง จึงได้ติดต่อให้ญาติมาเยี่ยม ซึ่งเมื่อญาติมาถึงพบว่าผู้ป่วยที่นอนอยู่ไม่ใช่บิดาของตนและยืนยันด้วยบัตรประชาชน จึงคาดว่าบิดาน่าจะเสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งเห็นควรสืบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไปจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางโรงพยาบาลปทุมธานีได้รีบเร่งดำเนินการ ดังนี้1. โรงพยาบาลตรวจสอบข้อเท็จจริงจากกล้องวงจรปิด ศูนย์ดูแลผู้ป่วย ผู้เสียชีวิตในโรงพยาบาลตั้งแต่วันที่16ม.ค.2565 ว่ามีกี่ราย เป็นกลุ่มโรคโควิดกี่ราย เพราะอาจเกิดข้อผิดพลาดเนื่องจากญาติจะไม่เห็นสภาพศพประสานตำรวจ ญาติ เข้าร่วมหารือเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา 2.ประสานญาติผู้ซึ่งนำศพผู้เสียชีวิตรายแรกไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เพื่อหาแนวทางการแก้ไขข้อมูลในใบมรณะบัตรและเยียวยาค่าจัดการศพประสานหน่วยงานทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล จากเวชระเบียนและสารพันธุกรรมจากเถ้ากระดูก 3.รับฟังข้อเสนอจากญาติของทั้งผู้เสียชีวิตและผู้ป่วย เพื่อนำมาหาแนวทางช่วยเหลือและแก้ไขต่อไปสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี
ด้านนายแพทย์ยรรยง เสถียรภาพงษ์ รองผอ.โรงพยาบาลปทุมธานี กล่าวว่าทางโรงพยาบาลปทุมธานีต้องขอโทษกับญาติผู้เสียชีวิต หลังจากเกิดเหตุขึ้นทางโรงพยาบาลปทุมธานีไม่ได้นิ่งนอนใจและไม่มีไครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ซึ่งการรักษาผู้ป่วยนั้นเรารักษาตามขั้นตอนอยู่แล้ว ซึ่งเราจะนำเรื่องนี้ไปแก้ไขโดยเฉพาะเรื่องเอกสารและเมื่อช่วงเช้าลุงบุญหนาก็ได้เสียชีวิตลงและทางญาติก็นำศพไปบำเพ็ญกุศลแล้ว ส่วนเรื่องการเยียวยาทางเราก็คุยกับทางญาติไว้แล้วและต้องราให้ญาติจัดงานเรื่องศพให้เรียบร้อยก่อน ส่วนญาติของคุณธีระซึ่งสันนิฐานได้ว่าน่าจะเสียชีวิตไปก่อนแล้วนั้น อยู่ในขั้นตอนชันสูตรกระดูกซึ่งทางเราไปรับมาจากจังหวัดชลบุรีและนำไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปพิสูจน์ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งจากพยานแวดล้อมและพยานบุคคลก็น่าจะเชื่อว่าน่าจะเป็นคุณธีระเมื่อพิสูจน์ได้แน่ชัดแล้วเราก็ต้องพูดคุยเรื่องการเยียวยาและความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทางญาติคุณธีระอีกครั้ง
ภาพข่าว คลิปวีดีโอ สมยศ-ลีลานุช โสภณวิมลรัตน์ /ปทุมธานี