ผู้ตรวจการแผ่นดินเร่งรัดเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบกรณีไฟไหม้โรงงาน
วันนี้ 2 ส.ค.65 นายทรงศัก สายเชื้อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยนายอุดม เพชรคุต รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี นายอานันท์ ฟักสังข์ อุตสาหกรรมจ.ราชบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ บริษัท แวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ หมู่ 8 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.65 ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดมลพิษรอบด้านทั้งควันพิษที่ลอยออกไป น้ำที่ปนเปื้อนสารเคมีซึมลงใต้ดินซึ่งนายทรงศัก สายเชื้อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้กำชับภาครัฐให้เร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึง พร้อมหารือทุกภาคส่วนเร่งวางมาตรการป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ รวมถึงการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพชุมชนในพื้นที่
โดยมีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโรงงานมากกว่า 20 ปี และได้มีการฟ้องต่อศาลและขณะนี้เรื่องอยู่ในชั้นศาลอุธรณ์ ได้เข้าให้ข้อมูลกับทางผู้ตรวจการแผ่นดินด้วย จากนั้นคณะได้เดินตรวจสอบพื้นที่ภายในโรงงานในโซนที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ก็พบว่าทางโรงงานได้ทำคันดินกั้น ส่วนถังสารเคมีที่ถูกไฟไหม้และไม่ได้ถูกไฟไหม้ก็ยังคงอยู่ในบริเวณดังกล่าวเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะมีคำสั่งให้ทางโรงงานได้เร่งดำเนินการย้ายถังสารเคมีดังกล่าวออกไปบำบัดที่อื่น มาตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค.65 ที่ผ่านมา แต่มาถึงวันนี้ถังสารเคมีก็ยังคงมีอยู่มากเช่นเดิม
โดย นายทรงศัก สายเชื้อ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้เปิดเผยภายหลังเข้าตรวจสอบภายในโรงงานและได้รับข้อมูลจากชาวบ้านว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้มีสองวัตถุประสงค์หลัก คือเป็นการแก้ไขปัญหาเชิงรุก เนื่องจาก เห็นว่าเหตุการณ์เพลิงไหม้โรงงานรีไซเคิลกากอุตสาหกรรม ของบริษัท แวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด เป็นกรณีที่ก่อให้เกิดความเสียหายและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยของประชาชนในวงกว้าง ซึ่งส่วนหนึ่งก็ต้องการมาเพื่อสนับสนุนหน่วยงานและมาให้กำลังใจในการปฎิบัติหน้าที่ รวมทั้งมาแสดงความห่วงใยกับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยจะมาพูดคุยถึงแนวทางในการเยียวยาแก้ไข
ซึ่งการแก้ไขในระยะสั้นก็จะมีสองมาตรการ คือ 1 จะมาดูเรื่องของการปนเปื้อนในมลภาวะ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ต่อเนื่องยาวนานมาหลายสิบปี ขณะนี้เรื่องอยู่ในระหว่างศาลอุธรณ์ แต่ก็จะมีการพูดคุยหาแนวทางในการชดเชยชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบอย่างมากในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนที่2 ก็จะเป็นเรื่องไฟไหม้เมื่อวันที่ 16 มิ.ย ที่ผ่านมา ซึ่งทราบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังรวบรวมรายชื่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งวันนี้ก็จะต้องมีการพูดคุยกันว่าจะดำเนินการช่วยเหลืออย่างไรให้รวดเร็ว และจะจ่ายเงินชดเชยอย่างไร ส่วนอีกด้านเรื่องของสิ่งแวดล้อม ซึ่งขณะนี้หน่วยงานต่างๆก็กำลังดำเนินการและเมื่อประเมินผลออกมาก็จะต้องมาดูว่ามีแนวทางการดำเนินการอย่างไรบ้าง ซึ่งปัญหาในส่วนที่ 2 นั้นเป็นปัญหาที่สะสมมานานตั้งแต่โรงงานมาตั้งทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเรื่องของแหล่งน้ำ เรื่องของกลิ่น เรื่องของมลภาวะต่างๆ ซึ่งทางตรวจการแผ่นดินก็จะมาในเรื่องเชิงระบบ ว่าจะมาช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของระบบอย่างไร
ซึ่งเมื่อลงตรวจสอบพื้นที่จริงก็พบว่ามีกลิ่นเหม็น ชาวบ้านไม่สามารถใช้น้ำในลำห้วยได้ นอกจากชาวบ้านที่ไม่มีทางเลือกจริงๆก็จะใช้น้ำในลำห้วยซึ่งจะมีความเสี่ยงในเรื่องของการปนเปื้อน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีทางออกที่ชัดเจน คงจะต้องกลับมาแก้ปัญหาที่ต้นตอ และหากทางผู้ประกอบการไม่ให้ความร่วมมือก็จะต้องใช้ในเรื่องของพรบ.ซึ่งมีอยู่หลายฉบับมาดำเนินการบังคับใช้ แต่เบื้องต้นจะต้องเริ่มเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากไฟไหม้เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ก่อน ส่วนผลกระทบในระยะยาวที่เกิดมาก่อนหน้านี้ ซึ่งชาวบ้านนั้นฟ้องศาลชนะแล้ว แต่ทางโรงงานนั้นได้ยื่นอุธรณ์ ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล