ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน ในหมู่บ้านหนองครก หมู่ 19 ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ว่ากำลังเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากไม่มีน้ำทำการเกษตร จนต้องออกไปหารับจ้างทำงานที่อื่น และต้องให้ลูกหยุดเรียนเพื่อเลี้ยงน้อง เพราะพ่อแม่ต้องออกไปทำงานข้างนอก สาเหตุมาจากน้ำในฝายที่เคยใช้ทำการเกษตรนั้นถูกนายทุนที่มาปลูกแตงโม ตั้งเครื่องสูบน้ำหลายตัว ดูดน้ำในฝายไปทำการเกษตรในพื้นที่ของตัวเองกว่า 100 ไร่ และเมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ก็ย้ายแหล่งไปปลูกที่อื่น โดยไม่ได้สนใจว่าชาวบ้านที่ทำการเกษตรแปลงเล็กๆ กว่า 30 ครัวเรือนนั้นจะเดือดร้อนหรือไม่
ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบก็พบว่า น้ำในฝาย ซึ่งมีความจุประมาณ 50,000 ลูกบาศก์เมตร นั้นแห้งถึงก้นฝาย ชาวบ้านบางรายก็ต้องปล่อยให้พืชผักที่ปลูกนั้นแห้งยืนต้นตาย เพราะน้ำแห้งเครื่องไม่สามารถดูดน้ำได้ บางรายก็จัดเตรียมแปลงเพาะไว้ ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ทำการปลูกผัก หรือต้องรอให้ฝนตกลงมาก่อนถึงจะทำการเกษตรได้
จากการสอบถาม พ.ต.ท.รักษา ทรัพย์แก้วยอด อดีตนายตำรวจข้าราชการบำนาญ อายุ 75 ปี ก็บอกว่า ตนมาซื้อที่ดินบริเวณนี้เมื่อหลายสิบปีก่อนเพื่อทำการเกษตรปลูกไผ่หวานกับกล้วย และยกที่ดินกว่า 10 ไร่ ให้ทางชลประทานมาทำการขุดบ่อทำฝายเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ และให้ชาวบ้านในระแวกดังกล่าว ซึ่งมีมากกว่า 30 ครัวเรือนได้ใช้น้ำทำการเกษตรด้วย ทุกปีที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหา เรื่องน้ำไม่พอใช้ แต่มาเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้มีนายทุนมาเช่าที่ดินกว่า 100 ไร่ ปลูกแตงโม และนำเครื่องสูบน้ำหลายตัวมาติดตั้ง และดูดน้ำไปใช้ในแปลงเกษตรของตนเอง จนน้ำในฝายแห้งขอดและนายทุนก็เก็บเกี่ยวผลผลิตไปขาย และย้ายฐานการผลิตไปที่อื่น ส่วนชาวบ้านตาดำๆก็ทำได้แต่ยืนมองเพราะไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะนายทุนถือว่าแหล่งน้ำแห่งนี้เป็นแหล่งน้ำสาธารณะใครมาใช้ประโยชน์ก็ได้ จึงอยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเข้ามาจัดการและจัดสรรในการใช้น้ำในฝายให้เท่าเทียม เพื่อให้ชาวบ้านสามารถทำกินได้ และในตอนนี้ในพื้นที่ก็มีฝนตกน้อยมาก ทำให้น้ำไม่ไหลเข้าในฝายกักเก็บน้ำ จึงทำให้ตอนนี้เดือดร้อนกันทุกครอบครัวที่ใช้น้ำในฝายแห่งนี้ทำการเกษตร เคยทำเรื่องร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอจอมบึง แล้วแต่จนถึงตอนนี้เรื่องก็เงียบ จึงมาร้องกับสื่อ เพื่อช่วยให้เป็นกระบอกเสียงส่งต่อเรื่องความเดือดร้อนไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และจากการสอบถามนางสาวฉัตรคำพร บุญนาค อายุ 44 ปี เกษตรกรที่ใช้น้ำในฝายทำการเกษตร ก็บอกว่า ตอนนี้น้ำในฝายแห้ง ทำให้ไม่มีน้ำไปรดพืชผักที่ปลูก ต้องปล่อยให้แห้งตาย เหลือได้แค่ไหน ก็เก็บไปขายแค่นั้น ตอนนี้ต้องให้สามีออกไปทำงานรับจ้างข้างนอก ส่วนตนเองก็ต้องออกไปเก็บพืชผักที่พอจะมีอยู่บ้างไปขาย โดยให้ลูกสาวหยุดเรียนมาเลี้ยงน้อง เพราะมีค่าใช้จ่ายหลายอย่าง จึงต้องออกไปช่วยกันหาเงิน ซึ่งปกติที่ผ่านมาก็จะช่วยกันปลูกพืชผักขาย แต่ตอนนี้ไม่มีน้ำ ปลูกผักไม่ได้จึงออกไปหางานทำ