วันที่ 3 กรกฎาคม 2565 ทีมข่าวลงพื้นที่หลังทราบข่าว ฮือฮาจากชาวบ้านว่า มีแมวตาสองสีซึ่งเชื่อว่าเป็นแมวที่นำโชคลาภมาให้กับเจ้าของอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เลี้ยงมา ที่บ้านเลขที่ 115 ม.3 ต.ท่าแค อ.เมือง จ.พัทลุง ทีมข่าวได้พบกับเจ้าสำลี แมวตาสองสีนำโชคตัวดังกล่าวที่ชาวบ้านพูดถึง กำลังเที่ยวเดินเล่นอยู่บริเวณลานหน้าบ้าน โดยเจ้าสำลีเป็นแมวเพศเมีย มีขนสีขาวทั้งตัว และดวงตาทั้งสองข้างจะเป็นสีฟ้าสวย แต่เจ้าสำลีจะเป็นแมวที่รักสันโดษ ไม่ค่อยคลอเคลียสุงสิงกับใคร และมีท่าทางหวาดกลัวเมื่อเห็นคนแปลกหน้าที่ไม่ใช่คนในบ้าน โดยปกติจะยอมให้ลูกสาวของเจ้าของบ้าน คือ น.ส.วริศรา พรหมนวล อายุ 18 ปี หรือน้องมิวส์ อุ้มได้แค่คนเดียว
สอบถามทางด้าน น.ส.วริศรา หรือน้องมิวส์ ได้เล่าให้ฟังว่าได้เลี้ยงแมวตัวนี้มาเป็นเวลาเกือบจะ 2 ปีแล้ว และตั้งชื่อให้ว่า “เจ้าสำลี” แมวตัวนี้เดิมทีเป็นแมวจรน่าจะถูกนำมาทิ้งไว้ตั้งแต่ตัวเล็ก แล้วมันก็เดินเข้ามาอยู่ในบ้าน ตนและครอบครัวก็เลยให้กินอาหารและเลี้ยงดูไว้ และมีอยู่ช่วงนึงที่เจ้าสำลีได้หายออกไปจากบ้าน ตนเป็นห่วงมากได้ออกตามหาสอบถามตามบ้านข้างเคียงแต่ก็ไม่มีใครพบเห็นเลย จนกระทั่งผ่านไป 2-3 วันเจ้าสำลีก็กลับมาที่บ้านเองอีกครั้ง ตนรู้สึกดีใจมาก เพราะรู้สึกรักและผูกพันธ์กับเจ้าสำลีมากเป็นพิเศษ
จนมาช่วงหลังๆเวลากลางคืน ตนเริ่มสังเกตุเห็นความผิดปกติที่ดวงตาของเจ้าสำลี จากเดิมที่ดวงตาทั้งสองข้างจะมีสีฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีส้มข้างนึง และอีกข้างเป็นสีเขียว เลยได้นำมือถือมาถ่ายภาพเก็บไว้ และคอยสังเกตุทุกๆคืนก็พบว่า “ตาที่เป็นสองสีของเจ้าสำลีไม่ได้เปลี่ยนให้เห็นทุกคืน” ตนรู้สึกแปลกใจเลยบอกเล่าให้กับครอบครัวทราบ
ด้านนางสายใจ แสงสุบรรณ์ อายุ 56 ปี ป้าของน้องมิวส์ ได้เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า หลังจากที่เจ้าสำลีได้หายออกไปจากบ้าน 2-3 วันและกลับมาอีกครั้ง ตนเองและคนในครอบครัวรู้สึกว่ามีแต่เรื่องราวที่ดีๆเกิดขึ้น ทั้งยังมีโชคลาภเรื่องการเสี่ยงดวง โดยถูกรางวัลล็อตเตอรี่ติดต่อกันมาโดยตลอด จึงเชื่อว่า “เจ้าสำลี แมวตาสองสีตัวนี้เป็นแมวที่นำโชคมาให้กับครอบครัวของตน” และเมื่อน้องมิวส์ ได้นำภาพถ่ายของเจ้าสำลีตอนที่มีตาสองสีไปโพสในโซเชี่ยล ก็มีคนติดต่อมาขอซื้อโดยเสนอให้ราคาสูงแต่ตนและครอบครัวไม่คิดจะขาย และจะเลี้ยงไว้ต่อเพราะรู้สึกรักและผูกพันธ์ อีกทั้งมั่นใจว่าเจ้าสำลีเป็นแมวนำโชคที่หาได้ยากและไม่เหมือนแมวทั่วไป