จากเฟซบุ๊กช่องคุณเอม โพสต์เรื่องราวว่าถูกกลุ่มมาเฟียพาพวกมาบุกรื้อร้าน 3 ครั้ง โดยครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 5 พ.ค.65 ที่ผ่านมาได้พาคนงานพร้อมนำสังกะสีมาปิดล้อมไม่ให้เปิดร้านได้ หลังเกิดเรื่องราวได้แจ้งความกับตำรวจสภ.ปากเกร็ด ทุกครั้งแต่พวกนี้ก็ไม่เกรงกลัว จึงต้องหันมาพึ่งสื่อช่วย
ทีมข่าวเดินทางไปที่ร้าน “อยู่กับเพื่อนบ้าง” แถวถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด พบว่าสภาพร้านถูกนำข้าวของอุกปรณ์ภายในร้านออกมากองไว้ด้านนอกร้าน พร้อมนำสังกะสีมาปิดล้อมไว้ทั้งหมด และมีการติดป้ายประกาศ”พื้นที่ส่วนบุคคลห้ามบุกรุกเข้า ฝ่าฝืนจะดำเนินคดีตามกฎหมาย”
ทีมข่าวได้พบกับนายภูภณ (ขอสงวนนามสกุล) หรือตั้ว อายุ 34 ปี หุ้นส่วนร้านให้ข้อมูลว่า ร้านนี้ตนได้ลงหุ้นกับนายวิทวัส หรือ เอม และเพื่อนอีกหนึ่งคน เปิดร้านตรงนี้เข้าปีที่ 5 แล้ว โดยมีการทำสัญญาเช่ากับเจ้าของเดิม เมื่อช่วงโควิดระบาดทางจังหวัดมีคำสั่งให้ปิดร้าน พวกตนก็ปิด พวกตนจึงได้หันมาทำข้าวผัดปูขายเพื่อหารายได้ให้กับลูกน้องรวมทั้งค่าเช่า ซึ่งตอนนั้นก็ยังมีการจ่ายค่าเช่าอยู่ แต่ก็มีบ้างที่จ่ายไม่ตรงเวลาจนกระทั่งวันที่ 27 เม.ย. 65 ก็มีกลุ่มบุคคลประมานเกือบ 20 คน มารื้อตั้งแต่ 8 โมงเช้า น้องที่นอนเฝ้าร้านบอกว่าโดนทั้งด่า ทั้งขู่ ว่าห้ามถ่ายรูป ห้ามถ่ายคลิป ไม่งั้นจะโดนทำร้าย พวกเขารื้อทั้งกำแพง หลังคา ระบบไฟ ข้าวของทรัพย์สินต่างๆ ได้รับความเสียหายจำนวนมาก ผมก็เข้ามาที่ร้านนะ พยายามห้ามปรามเขาไม่ให้รื้อ และโทรแจ้งตำรวจ แต่เขาก็ไม่สนใจ ขนาดตำรวจมาเขายังรื้อต่อหน้าตำรวจเลย ตนจึงได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมาวันที่ 4 พ.ค.เขาก็นำกลุ่มคนจำนวน 10 กว่าคน เข้ามาใช้ค้อนทุบแม่กุญแจประตูร้านและเข้ามาขนของในร้านออกมาไว้ด้านนอก ผมแจ้งให้ตำรวจมาระงับแต่ก็เหมือนเดิม ผมก็เลยจ้างช่างมาซ่อมหลังคา ซ่อมพอที่จะซ่อมได้ เพื่อให้ร้านพอได้เปิดต่อไปก่อนได้ แต่เปิดมาได้แค่ 6 วัน วันที่ 11 พ.ค. ก็มีกลุ่มคนมาอีก คราวนี้มาเยอะเลย เกือบ 20 คนมาตั้งแต่ 6 โมงเช้า มาสร้างกำแพงสูงปิดหน้าร้านผม เอาสังกะสีมากั้นรั้วไม่ให้พนักงานของผมเข้าออก รื้อป้ายร้านทั้งบนหลังคา บนกำแพง บนเสาสูงหน้าร้าน โครงสร้างเสียหายหมด และย้ายของมากองไว้หน้าร้าน ผมเลยไปแจ้งความที่สภ.ปากเกร็ด อีกเป็นครั้งที่ 3 ตอนนี้ไม่กล้าจะทำอะไรต่ออีกแล้วเพราะกลัวจะไม่ได้รับความปลอดภัย จึงอยากขอความเป็นธรรม
นายภูภณ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า คนที่มาสั่งรื้อ คือคนที่ผมเช่าที่อยู่ และคนที่ผมเช่าอยู่ ก็ไม่ใช่เจ้าของที่ตัวจริงเขาเช่าจากเจ้าของตัวจริงมาอีกที และมาบอกผมกับตำรวจว่า ผมไม่ยอมจ่ายค่าเช่า เขาเลยมีสิทธิมารื้อ มายกทรัพย์สิน ทั้งที่ผมก็ยังมีสัญญาเช่าอยู่เลยผมเช่าร้านมาจะ 5 ปี แล้วที่ผ่านมา ผมจ่ายเงินค่าเช่าทุกเดือนปกติไม่เคยขาด แต่มาช่วงปีหลังๆ ที่เจอโควิดผมก็ต้องปิดร้าน เลยไม่ได้จ่ายเพราะทางรัฐสั่งห้ามไม่ให้เปิด ผมก็หันมาขายข้าวผัดปูเลี้ยงลูกน้อง และก็ได้มีการคุยค่าเช่าว่าจะผ่อนจ่าย
และผมก็มาทราบความจริงที่หลังว่า คนที่เช่ากับเจ้าของก็จ่ายอยู่ไม่กี่เดือน แล้วเงียบไป ทางเจ้าของตัวจริงได้บอกยกเลิกสัญญาไปแล้ว ตั้งแต่ปลายปี 63 และโดนฟ้องขับไล่อีกด้วยรวมทั้งสัญญาก็ระบุห้ามนำไปให้ใครเช่าช่วงอีกพวกผมได้คุยกับเจ้าของตัวจริงได้เล่าถึงปัญหาให้ฟังผมจึงเลือกที่จะระงับการจ่ายค่าเช่าไว้ ตอนนี้ทางเจ้าของได้ร้องต่อศาลเพื่อยกเลิกสัญญารายละเอียดเป็นเรื่องของศาลจะว่าอย่างไรตอนนี้ผมเลยจำเป็นต้องปิดร้านไว้ก่อน และผมก็ต้องสู้โดยการออกสื่อเพราะเห็นว่าพวกเขาทำเกินไป