จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 2 โฟสต์เรื่องราวที่มีพลเมืองดีเข้าไปช่วยเหลือหนุ่มขับบิ๊กไบด์ไปเฉี่ยวชนกับแท๊กซี่ แล้วฉวยโอกาสชุลมุมคว้าหมวกกันน็อคของคนเจ็บหลบหนีไป ก่อนนำไปประกาศขายทางเฟซบุ๊ก เจ้าของไปเจอเลยได้ติดต่อล่อซื้อ โดยนัดหมายส่งของกันที่หน้าร้านสะดวกซื้อแถวตลาดกรมชลประทาน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี และเข้าแจ้งความไว้ที่สน.ประชาชื่น
วันที่ 21 ธ.ค.64 ทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.อรไพลิน สว่างอารมย์ อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นน้องในกลุ่มของผู้เสียหายให้ข้อมูลว่า วันเกิดเหตุคือวันที่ 18 ธ.ค.64 ที่ผ่านมาเวลาประมาณ 21.00น.นายนพดล คล้ายคลึง อายุ 37 ปี ขับบิ๊กไบด์ซูซูกิ L6 1000 ซีซี. ไปเฉี่ยวชนกับรถเก๋ง ฮอนด้า บริเวณแยกไฟแดงก่อนขึ้นสะพานพระราม 7 ใกล้กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ถ.พิบูลสงคราม แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กทม. หลังจากนั้นก็มีชายขับรถจยย.บิ๊กไบด์ยี่ห้อดูคาติ มาจอดก่อนลงไปช่วยเหลือพร้อมแสดงตัวว่าจะเป็นพยานให้ว่าเห็นรถแท็กซี่ฝ่าไฟแดงมา ซึ่งพวกตนเห็นว่าขับรถบิ๊กไบด์เหมือนกันน่าจะเป็นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจึงไม่ได้สนใจเพราะตอนนั้นกำลังยกรถของพี่เขาออกจากจุดเกิดเหตุ หลังจากนั้นชายที่เป็นพลเมืองดีก็หายตัวไป แต่เมื่อพี่ชายถามหาหมวกกันน็อคกลับไม่มีใครเห็น แต่มีพยานเห็นว่าชายพลเมืองดีฉวยโอกาสชุลมุมคว้าหมวกกันน๊อคของคนเจ็บหลบหนีไป โดยน้องในกลุ่มไปพบเห็นหมวกกันน็อคสีและลักษณะเหมือนกันกับของพี่ชายลงประกาศขายในเฟซบุ๊ก ในราคา 10,400 บาทซึ่งราคาหมวกใบนี้ราคา 26,000 บาท เลยได้ติดต่อล่อซื้อ โดยนัดหมายส่งของกันที่หน้าร้านสะดวกซื้อแถวตลาดกรมชลประทาน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยนำกล่องบรรจุหมวกใบดังกล่าวไปเทียบดูด้วยปรากฏว่าหมายเลขตรงกัน ซึ่งทางพลเมืองดีจำนนต่อหลักฐานเลยอ้างว่าได้นำหมวกไปคืนให้ที่สถานีตำรวจวันที่เกิดเหตุแล้วแต่ไม่พบผู้เสียหายก็เลยนำกลับมา ซึ่งตรงนี้ขอยืนยันว่าไม่จริงเพราะคืนนั้นพวกเราอยู่กันถึงตีสามไม่เห็นมีใครมา ก็เลยเข้าแจ้งความไว้ที่สน.ประชาชื่น และตอนนี้ทางเฟซบุ๊กที่ใช้ประกาศขายหมวกดังกล่าวก็ปิดไปแล้ว เราตรวจสอบพบว่าเป็นเฟซปลอม
ทีมข่าวได้พยายามติดต่อพูดคุยกับนายนพดล คล้ายคลึง ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นแต่นายนพดลไม่สะดวกเพราะกำลังไปขอภาพกล้องวงจรปิดในวันเกิดเหตุกับทางสำนักงานกรุงเทพมหานคร เลยได้อัดคลิปเล่าเหตุการณ์ส่งมาให้ทีมข่าว โดยในคลิประบุว่า วันเกิดเหตุได้ขับรถออกจากบ้านแถวพระราม 5 เพื่อจะไปทำธุระใน กทม.เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุรถได้ไปเฉี่ยวชนกับรถแท็กซี่จนล้มลงได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือนำตัวส่งรพ.โดยตนได้ถอดหมวกกันน๊อควางไว้ที่รถ ซึ่งตอนนั้นมีน้องๆในกลุ่มและพลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์เข้ามาข่วยเหลือ หลังจากตนไปรักษาตัวที่รพ.แล้วก็ได้สอบถามเรื่องหมวกว่าใครเก็บไว้ ก็ทราบว่าน้องในกลุ่มไม่ได้เก็บไป หลังจากนั้นก็มีน้องไปพบว่ามีคนโพสต์ขายในเฟซบุ๊กหมวกกันน็อคมือสอง จึงได้ติดต่อขอซื้อ เมื่อไปเจอคนที่โพสต์ขายและตรวจสอบหมวกแล้วพบว่าเป็นของตนจึงโทรศัพท์ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด เข้าตรวจสอบ ชายคนดังกล่าวยอมรับว่าเป็นของตนจริงที่ลงประกาศขาย จึงได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสน.ประชาชื่น เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะไม่อยากให้ไปก่อเหตุกับใครอีก