วันที่ 8 มิ.ย.2565 เมื่อเวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวรับรายงานว่า มีชายหนุ่มวัย 42 ปี ป่วยเป็นโรคอ้วนมีน้ำหนักตัวมากกว่า 240 กก. ได้ออกจากโรงพยาบาลสุรินทร์มานอนป่วยติดเตียงจะลุกจะนั่งก็ลำบากและเดินไม่ไหว อีกทั้งยังมีหลายโรคคอยรุมเร้า โดยพักอาศัยอยู่กับยายวัย 88 ปีและพี่สาวต่างพ่อโดยพ่อแม่ของผู้ป่วยได้เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว
หลังรับแจ้ง ผู้สื่อข่าวจึงรุดไปตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 1/8 ถนนพรมเทพ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ พบเป็นบ้านปูนชั้นเดียวปลูกติดกัน ภายในบ้านพบ นายชยณัฐ เผ่าจินดา(บอย) นอนอยู่บนเตียงโดยมีสภาพ บาดแผลที่เท้าเพราะติดเชื้อ และบริเวณแผ่นหลังและก้นซึ่งเป็นแผลกดทับขนาดใหญ่ ซึ่งมีกลิ่นเหม็นคลุ้ง ใส่สายออกซิเจนในบรเวณบ้านดังกล่าว และได้พบกับ นางผ่องศรี เผ่าจินดา อายุ 88 ปี เจ้าของบ้าน กำลังดูแลปรนนิบัติเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้กับหลานชายอยู่ (นายชยณัฐ เผ่าจินดา หรือบอย) พร้อมกับเปิดเผยว่า นายชยณัฐ เผ่าจินดา หรือบอย เป็นหลานชายของตน ตนนั้นเคยดูแลและเลี้ยงหลานชายมาตั้งแต่เด็กๆ จนพอเขาโตเขาก็แยกตัวไปอยู่คนเดียวตั้วแต่อายุ 17 ปี ไปมาหาสู่กันบ้างตามความคิดถึง
หลานชายตนนั้นมีรูปร่างอ้วนใหญ่น้ำหนักกว่า 240 กิโลกรัม ได้นอนป่วยอยู่ที่ห้องเช่าถนนโพธิ์ร้างซึ่งหลานชายตนได้เช่าอยู่คนเดียว ไม่มีลูกหรือครอบครัว จนเมื่อเดือนที่แล้ว หลานชายโทรมาหาตนและพี่สาว ว่าช่วยพาไปโรงพยาบาลด้วย ตอนนี้ป่วยหนักมาก ตนจึงไปดูพบที่ขาทั้งสองข้างมีแผลผุพองหนองไหลอักเสบและลุกขึ้นเดินและเข้าห้องน้ำไม่ได้แล้ว นอนแช่อุจจาระและปัสสาวะอยู่ภายในห้อง พร้อมทั้งยังเป็นแผลกดทับลามกว้างที่หลังถึงก้น จึงได้แจ้ง 1669 ให้มารับส่งเข้าโรงพยาบาลสุรินทร์เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2565 เพื่อไปรักษา และได้รักษามาถึงวันที่ 7 มิถุนายน 2565 ได้มีโทรศัพท์โทรมาหาญาติจากโรงพยาบาลสุรินทร์มาว่า ให้นำคนป่วยกลับบ้านได้แล้ว ซึ่งทางนางผ่องศรี เผ่าจินดา(ยาย) ได้ขอให้ทางหน่วยกู้ภัยสุรินทร์และรถของทนายเบิร์ดรับกลับบ้านมารักษาตัวที่บ้านของอย่างทุลักทุเล เพราบ้านเช่าของหลานชายนั้นเขาไม่ได้ให้เช่าต่อแล้วเนื่องจากหลานชายตนนั้นป่วยทำงานไม่ได้ และได้ติดค่าเช่าห้องมาหลายเดือนตนจึงได้รับหลานชายมาดูแลที่บ้านเช่าของตน
นางผ่องศรี เผ่าจินดา(ยาย) ยังกล่าวอีกว่า วันนี้ได้จัดบ้านที่นอนให้กับหลานชายที่ป่วยเป็นโรคอ้วน โรคหอบหืด โรคความดันสูง แผลติดเชื้อ และด้วยน้ำหนักตัวกว่า 240 กิโลกรัม ส่งผลทำให้มีปัญหาเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน ลุกยืนไม่ได้ลุกขึ้นแค่ไม่กี่นาทีก็จะเหนื่อย เจ็บแผลที่หลังและก้นที่มาจากแผลกดทับ ซึ่งทำอะไรไม่ได้ นอนอยู่ที่เตียงจะลุกเข้าห้องน้ำก็ไม่ได้ต้องต่อสายท่อปัสสาวะและถ่ายอุจจาระบนเตียงนอน และต้องนอนเฉยๆ อยู่กับยายที่บ้านซึ่งลำบากมากในการช่วยหลานพลิกตัวและทำความสะอาด เวลาอุจจาระ ส่วนพี่สาวหลานๆต้องออกไปทำงานกันหมด จะเลิกงานก็ช่วงเย็นค่ำ ทำให้ปัจจุบันครอบครัวต้องอยู่อย่างลำบาก มีภาระรายจ่ายมากมาย อาทิ แผ่นรองซับ ถุงมือ น้ำเกลือล้างแผล ผ้าก๊อซพันแผลเป็นต้น โดยมีทีมแพทย์ชุมชน และ อสม.จิตอาสาก็ได้เข้ามาดูแลทำแผลให้ในช่วงเช้า
ปัจจุบันอาการของบอย เริ่มน่าเป็นห่วง เพราะมีอาการเจ็บปวดที่แผลกดทับ และหลังจากเวลาเข้านอนช่วงกลางคืนมักจะหลับลึกเรียกปลุกไม่ค่อยตื่น ต้องเขย่าตัวหรือตีแรงๆ ให้สะดุ้งตื่นขึ้นมา เนื่องจากไปพบแพทย์แล้วแจ้งว่าถ้าหากหลานชายนอนหลับยาวอาจหยุดหายใจไปเฉยๆถึงขึ้นเสียชีวิตได้ในที่สุด จึงต้องใช้ถังออกซิเจนและอุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจให้กับหลานชายไว้ใช้ยามจำเป็น ซึ่งหลานชายก็อยากจะหายจากโรคอ้วนเพราะต้องการช่วยเหลือตัวเองให้ได้ และใช้ชีวิตตามปกติเหมือนคนทั่วไป
ทั้งนี้ จึงวอนผู้ใหญ่ใจบุญที่อยากจะช่วยสิ่งที่ตนขาดของใช้คือ แผ่นรองซับขนาดใหญ่/กระดาษทิชชู /ถุงมือ/ ผ้าก็อซ และน้ำเกลือล้างแผล จากผู้ใจบุญ หากท่านใดอยากช่วยเหลือได้โดยส่งของใช้มาได้ที่ นายชยณัฐ เผ่าจินดา บ้านเลขที่ 250/2 ถนนกรุงศรีนอก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000 หรือโทรติดต่อมาได้ที่เบอร์ 099-8436531 (เบอร์หลานชายผู้ป่วย)
ด้าน นาย ชยณัฐ เผ่าจินดา (บอย) ได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ขอวอนให้ผู้ใจบุญ ช่วยติดต่อประสานหมอที่เชี่ยวชาญด้านโรคอ้วนนำตนไปรักษาต่อไป เพื่อให้ตนได้ใช้ชีวิตตามปกติเหมือนคนอื่นๆได้โดยไม่ต้องลำบากยายและหลานๆอีกด้วย
ภาพ/ข่าว: ทีมข่าวภูมิภาคจังหวัดสุรินทร์