เมื่อช่วงเวลา 01.20 น. ของวันที่ 7 เม.ย.65 ที่ผ่านมา พ.ต.ต.วัฒนพล ดาแก้ว ผู้บังคับการกองร้อย ตชด.137 อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีการขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามาในบริเวณช่องทางธรรมชาติ ด้านช่องห้วยสุด บ้านตะโกปิดทอง อ.สวนผึ้ง ซึ่งเป็นแนวชายแดนไทย-เมียนมาร์ จึงสั่งการให้ร.ต.อ.สุรัตน์ ดีรื่น รองผู้บังคับการกองร้อย ตชด.137 ได้นำกำลังไปประสานกับทหารของหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ ตำรวจสภ.สวนผึ้ง และฝ่ายปกครองอำเภอสวนผึ้ง ไปทำการตั้งด่านตรวจบริเวณถนนสายราชบุรี-ผาปก หมู่ 1 ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง ซึ่งเป็นเส้นทางผ่านที่จะเข้าตัวอำเภอสวนผึ้ง โดยได้พบรถยนต์ต้องสงสัยจำนวน 2 คัน ขับผ่านมาจึงได้เรียกตรวจสอบ
โดยพบว่าด้านหลังรถทั้งสองคันนั้นมีชาวบ้านอาศัยมาจำนวนมาก จึงได้ขอตรวจสอบเอกสารและพบว่าไม่มีเอกสารใดๆที่แสดงสถานะของคนไทย จึงได้ทำการตรวจยึดรถรถและควบคุมตัวทั้งคนขับรถทั้งสองคัน ซึ่งเป็นคนไทย และแรงงานต่างด้าวจำนวน 34 คนแบ่งเป็นชาย 18 คน หญิง 16 คน ไว้ พร้อมทั้งได้ทำการตรวจหาเชื้อ โควิด 19 กับบุคคลทั้งหมด โดยพบว่ามีแรงงานต่างด้าว 1 คน ติดโควิด ด้วย จึงได้ทำการแยกกักตัวพร้อมกับนำตัวมาสอบสวนที่กองร้อย ตชด.137
จากการสอบถามนายแลง ชาวพม่า ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงงานต่างด้าวที่ถูกจับกุม ก็บอกว่า พวกตนมาจากหลายจังหวัดในพม่า และจะเดินทางไปทำงานที่จ.ชลบุรี กรุงเทพฯ และในภาคใต้ ส่วนใหญ่จะไปทำงานตามปั๊มน้ำมัน โดยเสียค่าหัวให้กับนายหน้าคนละ 25,000 บาท ซึ่งบางคนก็จ่ายให้นายหน้าเลย บางคนก็ต้องไปทำงานก่อนแล้วผ่อนให้ ซึ่งตนเองนั้นเข้าออกช่องทางธรรมชาติ ด้านบ้านตะโกล่าง มา 3 ครั้งแล้ว ทุกครั้งก็จะต้องจ่ายเงินค่านายหน้าด้วย เมื่อเข้ามาได้แล้วก็จะมีคนมารับกระจายไปทำงานตามที่ต่างๆ โดยไม่รู้ว่านายหน้าที่จะพาไปเป็นใคร
เบื้องต้นร.ต.อ.สุรัตน์ ดีรื่น รองผู้บังคับการกองร้อย ตชด.137 ก็บอกว่า หลังจากจับกุมมาได้ก็จะต้องส่งตัวแรงงานต่างด้าวทั้ง 34 คน ให้สภ.สวนผึ้ง ดำเนินคดีในข้อหา ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาติ และดำเนินคดีกับคนขับรถทั้งสองคน ซึ่งเป็นคนไทยที่ได้ค่าจ้างในการขับรถไปส่งแรงงานต่างด้าวในจุดต่างๆที่มีการนัดหมาย หัวละ 500 บาท ในข้อหา นำพา ซ่อนเร้น ช่วยเหลือด้วยประการใดๆ กับบุคคลต่าง พร้อมทั้งยึดรถปิกอัพ ยี่ห้อ โตโยต้า วีโก้ สีน้ำตาล ทะเบียน ฒข 4090 กรุงเทพมหานคร และ รถปิกอัพ ยี่ห้อ โตโยต้า วีโก้ สีน้ำตาล ทะเบียน บร 1123 กาญจนบุรี ไว้เป็นของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิดด้วย