สามีเครียดใช้ปืน .22 ยิงแฟนสาวเสียชีวิตคาห้องครัว
เวลา 19.30 น วันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 ร.ต.อ.ภูนบ เรืองยิ่ง ร้อยเวร สภ.เมืองพัทลุง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย เข้าตรวจสอบที่บ้านเลขที่125 หมู่ 3 ตำบลท่าแค อ.เมือง จ.พัทลุง หลังรับแจ้งเหตุยิงกันเสียชีวิต ในที่เกิดเหตุภายในห้องครัวเจ้าหน้าที่พบศพนางอรอุมา หรุดคง อายุ 34 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ในสภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนยาวขนาด .22 เข้าที่ท้ายทอยจำนวนหนึ่งนัด ส่วนผู้ก่อเหตุคือนาย ธีรพงษ์ รุยันต์ อายุ 37 ปี ผู้เป็นสามี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวได้หลังก่อเหตุพร้อมอาวุธปืนยาวขนาด .22 กระบอกที่ใช้ก่อเหตุ และจากการตรวจสอบภายในบ้านเจ้าหน้าที่ยังพบลูกกระสุนปืนลูกซองจำนวน 3 นัด และเครื่องกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 1 นัด ซุกอยู่ใต้ที่นอน
จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายกลับจากทำงานเป็นเสมียนร้านขายแก๊ส และกำลังอุ่นแกงอยู่ในครัว จู่ก็มีเสียงปืนดังขึ้นจำนวน 1 นัด พร้อมกับลูกชายคนโตของผู้ตายวิ่งร้องออกมาจากบ้าน และบอกเพื่อนบ้านว่า พ่อยิงแม่ เพื่อนบ้านจึงวิ่งเข้าไปอุ้มลูกชายคนเล็กของผู้ตายออกมา ในขณะที่นายธีรพงษ์ ฯ สามีผู้ตายซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุเดินออกหายไปจากบ้านเพื่อนบ้านจึง โทรแจ้ง 191 เพื่อขอความช่วยเหลือ
เพื่อนบ้านต่างบอกว่าด้วย ผู้ตายอยู่กินกันนายธีรพงษ์ ฯ จนมีลูกชายด้วยกัน 2 คน คนโต 3 ขวบ คนเล็ก ได้ประมาณ 11 เดือน ทั้งคู่เป็นครอบครัวที่รักกันมาก และเพื่อนบ้านยังบอกว่า ทั้งสองคนเป็นคนนิสัยดีขยันทำมาหากิน ทั้งเลี้ยงโค และเก็บใบพลูขาย หากแต่ทุกวันตอนเย็นนายธีรพงษ์ ฯ สามีมักจะดื่มเหล้าขาว ดื่มทุกวัน แต่เพื่อนบ้านก็ไม่เคยได้ยินว่า สามี ภรรยาคู่นี้จะทะเลาะกันเลย จนกระทั่งประมาณ 1เดือนที่ผ่านมา นางอรอุมา ฯ ผู้ตาย ออกไปทำงานนอกบ้าน โดยทำหน้าที่เป็นเสมียนของร้านจำหน่ายแก๊สในตัวเมืองพัทลุง
และเมื่อประมาณ 3 – 4 วันที่ผ่านมา นายธีรพงษ์ ฯ จะกินเหล้าขาวหนักขึ้น เสมือนจะมีความเครียด จนเกิดเหตุสลดดังกล่าวขึ้น โดยเจ้าหน้าที่สันนิฐานว่า น่าจะมาจากความระแวง คิดไปเอง ว่า ภรรยาไปทำงานนอกบ้านแล้วอาจจะปันใจให้กับคนอื่น จึงก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ทั้งที่ภรรยาก็เป็นคนรักครอบครัว กลับจากทำงานก็ทำกับข้าวเลี้ยงดูลูกตามปกติ
ล่าสุดนายธีรพงษ์ ฯ ยังอยู่ในอาการเสียใจและยังไม่พูดจาใดๆ กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยผิดกฎหมายพร้อมจะได้สอบปากคำหามูลเหตุที่แท้จริงของการก่อเหตุในครั้งนี้ต่อไป