“บิ๊กโจ๊ก” รับมอบตัวรองอธิบดีกรมกิจการเด็กพร้อมพวก คดีค้ามนุษย์ ทำร้ายเด็ก

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ นำทีมรับมอบตัวรองอธิบดีกรมกิจการเด็กพร้อมพวกทำร้ายเด็ก-ข่มขู่ห้ามเด็กช่วยขยายผล

จากกรณีเมื่อวันที่ 9 พ.ย.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าให้ความช่วยเหลือเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งถูกบังคับค้าประเวณีได้จำนวนหนึ่ง จนนำไปสู่การขยายผลดำเนินคดีกับผู้ต้องหาซึ่งเป็นแม่เล้าและผู้ซื้อบริการทางเพศเด็กรวมทั้งสิ้นกว่า 30 ราย พื้นที่รับผิดชอบ สภ.ขุนทะเล จว.สุราษฎร์ธานี ซึ่งในกลุ่มลูกค้ามีทั้งลูกอดีตนักการเมือง หมอ ทหาร เป็นต้น ต่อมาเมื่อประมาณเดือน เม.ย.65 หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้แจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับ นายสุวัฒน์  (สงวนนามสกุล) เจ้าหน้าบ้านพักเด็กและเยาวชนจังหวัดสุราษฎร์ธานี และนายพิสิฐ  (สงวนนามสกุล) รองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน ในกรณีที่มีการทำร้ายร่างกายเด็กที่เป็นผู้เสียหายในบ้านพักเด็ก และมีการข่มขู่หัวหน้าบ้านพักเด็ก และครอบครัว จังหวัดสุราษฎร์ธานี ไม่ให้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการขยายผลจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ 11 ก.ค.65 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศพดส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย รอง ผบช.ทท.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางมายัง สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เพื่อมารับมอบตัว นายพิสิฐฯ  รองอธิบดีกรมกิจการเด็กและครอบครัว และนายสุวัฒน์ฯ เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและเยาวชนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้ต้องหา โดยทั้งสองมีพฤติกรรม ในช่วงระหว่างเดือน ธ.ค.64 ถึง ต้นเดือน ก.พ.65 นายพิสิฐฯ ได้มีการโทรศัพท์สั่งหัวหน้าบ้านพักเด็กและเยาวชนจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยได้สั่งให้ส่งเด็กที่เป็นผู้เสียหายคดีค้ามนุษย์ดังกล่าวไปรับการดูแลที่อื่น  และไม่ให้มีการขยายผลติดตามเด็กผู้เสียหายหรือผู้ซื้อบริการทางเพศเด็ก เพิ่มเติมอีก อีกทั้งนายสุวัฒน์ฯ ยังได้ทำร้ายร่างกายเด็กผู้เสียหาย ที่ให้ความร่วมมือในการขยายผลกับเจ้าหน้าที่ และผู้ต้องหาทั้งสองถูกดำเนินคดี ดังนี้

ดำเนินคดีกับ นายพิสิฐฯ  อายุ 55 ปี รองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน โดยกล่าวหาว่า “เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ,เป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ,ขัดขวางการสืบสวน การสอบสวน การฟ้องร้อง หรือการดำเนินคดีความผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อมิให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยขู่เข็ญ ข่มขู่ ข่มขืนใจ หรือกระทำการอันมิชอบประการอื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ,พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 54 (5)

ดำเนินคดี นายสุวัฒน์ หรือเอ็ม อายุ 33 ปี ผู้ต้องหา โดยมีพฤติการณ์ในการ ทำร้ายร่างกาย ด.ญ.อัน ภายในบ้านพักเด็ก และขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ขัดขวางการสืบสวน การสอบสวน การฟ้องร้อง หรือการดำเนินคดีความผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อมิให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยขู่เข็ญ ข่มขู่ ข่มขืนใจ หรือกระทำการอันมิชอบประการอื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์, และ ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ และทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” อันเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 54 (5) , ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 392

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นกรณีที่จะต้องมีการดำเนินการอย่างรวดเร็วและยุติธรรม เนื่องจากเป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐซึ่งมีหน้าที่ในการดูแลเยียวยาเด็กที่เป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์โดยตรง ซึ่งควรจะปฏิบัติหน้าที่ในการปกป้องคุ้มครองให้เด็กผู้เสียหายได้รับความปลอดภัยและได้รับความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ มิใช่ทำให้ ถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจซ้ำเติมอีก ทั้งนี้ได้กำชับพนักงานสอบสวนให้มีการรวบรวมพยานหลักฐานโดยละเอียดรอบคอบเพื่อให้ความยุติธรรมปรากฏ และขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการให้ความช่วยเหลือผู้เสียหาย ยึดหลักในการเอาผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง และคุ้มครองดูแลผู้เสียหายให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติให้ได้โดยเร็ว

สำหรับนายแสงโรจน์ หรือโอห์ม หรืออ้วน ผู้ต้องหา ถูกจับกุมตามหมายจับศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี  และถูกเพิกถอนการประกันตัว เนื่องจากมีพฤติกรรมเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยาน โดยถูกดำเนินคดี ดังนี้

-ในพื้นที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี จำนวน 1 คดี มีผู้เสียหาย 2 ราย น.ส.กิ๊ก 17 ปี ,น.ส.ออม อายุ 17 ปี

-ในพื้นที่ สภ.ขุนทะเล จำนวน 3 คดี มีผู้เสียหาย 5 ราย ด.ญ.นิ่ม 14 ปี ,ด.ญ.เชียร์ 13 ปี ,ด.ญ.ตูน 15 ปี , ด.ญ.อัน15 ปี และ ด.ญ.มิวอ้วน 15 ปี

โดยกล่าวหาว่า กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปีและปรับตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 400,000 บาท พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 5 ปี ถึง 20 ปีและปรับตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 400,000 บาท

ในการนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือพี่น้องสื่อมวลชน ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ได้ทราบถึงการดำเนินการและการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูลมายัง ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) โดยตรง ช่องทางสายด่วน 1599 หรือ www.humantrafficking.police.go.th หรือ ผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/TICAC2016 หรือ LineOA: @HUMANTRAFFICKTH หรือ TWITTER: @safe_dek หรือช่องทางใหม่ล่าสุดคือ การสแกน QR CODE  เพื่อกรอกแบบฟอร์มในการแจ้งเหตุและเบาะแสการกระทำผิดดังกล่าวเพื่อแจ้งเบาะแสในการปราบปรามการกระทำผิดต่อไป


Scroll to Top

แฉข่าวเด่น ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า