ชุดสืบสวน สภ.เมือง บุรีรัมย์ ตามรวบได้แล้ว ขณะหลบหนี ลูกชาย 36 ปี ฆ่าพ่อบังเกิดเกล้า ตำรวจคุมตัวทำแผนสารภาพทุกขั้นตอนขณะลงมือ ตำรวจตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและฆ่าบุพการี ตำรวจชี้หากให้การได้ต้องดำเนินคดีตามขั้นตอน หากให้การไม่ได้ ต้องตรวจร่างกายว่าป่วยจิตเวชรุนแรงระดับไหน
วันที่ 8 เม.ย.65 พ.ต.ต.ถวิล หอมหวน สารวัตร(สอบสวน)สภ.เมือง บุรีรัมย์ พร้อม พ.ต.ท.ภานุวัฒน์ มากมูล รอง ผกก.(สืบสวน)สภ.เมืองบุรีรัมย์ นำตัวนายศิวนนท์ หรือตาล เมคา อายุ 36 ปี มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังก่อเหตุทำร้ายนายหมื่น เมคา อายุ 74 ปี พ่อแท้ๆของตัวเองเสียชีวิตที่บ้านพักเลขที่ 137 บ้านตะโก หมู่ 14 ต.บ้านยาง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ แล้วขี่รถจักรยานหลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 09.00 น.ที่ผ่านมา
โดยระหว่างการทำแผน นายตาล มีสีหน้าเรียบเฉยไม่สะทกสะท้าน ให้การเสียงแข็ง ระบุว่าใช้ไม้ตีพ่อเข้าที่ท้ายทอย เมื่อพ่อล้มลงแล้วตามไปตีซ้ำอีก 2 ครั้ง รวม 3 ครั้ง หลังจากพ่อแน่นิ่ง ได้ปั่นรถจักรยานออกไป “แต่ไม่ได้หนี” จริงแล้วไม่ได้ตั้งใจฆ่าพ่อของตัวเอง สาเหตุเพราะพ่อเป็นคนพูดมาก ชอบบ่นให้ตนและพี่ชายเป็นประจำ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเสียใจหรือไม่ นายตาล บอกว่าเสียใจ ถามต่อว่าจะไปขอโทษพ่อหรือไม่ นายตาล บอกว่า”ก็ได้ขอโทษก็ได้” แต่ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจฆ่าพ่อ แต่ตำรวจบอกว่าตนเจตนาฆ่าพ่อ ส่วนตัวพร้อมเสมอ”ไหนๆก็ไหนๆได้ทั้งนั้น”รวมถึงที่ตำรวจได้กล่าวหาตนว่าหลบหนีนั้นก็ไม่เป็นความจริง ตนปั่นรถจักรยานเล่นไปเรื่อยๆ ตำรวจใช้เวลาในการทำแผนประมาณ 30 นาที ในการทำแผน ก่อนนำตัวมาควบคุมตัวที่ สภ.เมือง เพื่อรอส่งฟ้องศาลต่อไป
พ.ต.ต.ถวิล หอมหวน ระบุว่าตำรวจชุดสืบสวน ตามจับกุมนายตาล ได้ระหว่างปั่นจักรยานจะเข้าตัวเมืองบุรีรัมย์ พร้อมเสื้อผ้า 3 ชุด เท่าที่ทราบประวัติเบื้องต้นนายตาล ได้รักษาโรคจิตเวช หมอให้ยาเป็นประจำ
ส่วนทางด้านคดี หากนายตาล ให้การได้เหมือนกับการไปทำแผน คือให้การชัดเจนรู้เรื่องราวทั้งหมด ก็จะทำการสอบสวน ส่งสำนวนให้อัยการเพื่อส่งฟ้องศาลตามขั้นตอน แต่หากให้การไม่ได้ จะต้องนำตัวไปตรวจร่างกาย โดยแพทย์จะระบุว่าป่วยทางจิตรเวช ระดับไหน ทั้งนี้จะต้องเป็นดุลพินิจของศาลต่อไป เบื้องต้นได้ตั้งข้อหานายตาลฐาน”ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และฆ่าบุพการี”