วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 ที่สำนักงานจเรตำรวจแห่งชาติ น.ส สุดาพร จันทรา อายุ 35 ปี อาชีพ ธุรกิจส่วนตัวนำเข้าส่งออก ได้ยื่นหนังสือร้องเรียน ขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ หลังทำธุรกิจรับจำนำสิ่งของกับตำรวจยศ “ร.ต.ท.” สูญเงินกว่า 2 ล้าน โดยมี พ.ต.อ เขมชาติ หิรัญโต รอง ผบก จเรตำรวจ3 สำนักงานจเรตำรวจเป็นผู้รับเรื่อง
น.ส สุดาพร เปิดเผยว่า เมื่อประมาณกลางปี 2561 ร.ต.ท.นายหนึ่ง ได้มาชักชวนตนเองทำธุรกิจรับจำนำสิ่งของ โดยบอกว่าจะได้รับค่าตอบแทนเป็นจำนวนสูง ด้วยความสนใจจึงได้ร่วมลงทุนกับตำรวจคนดังกล่าว โดยมีภรรยาของร.ต.ท.เป็นผู้ร่วมทำธุรกิจด้วย ลักษณะของธุรกิจคือตนเองเป็นผู้ลงเงิน ส่วนภรรยาและนายตำรวจได้ลงแรงด้วยการนำเงินที่ลงไปรับจำนำสิ่งของจากบุคคลอื่น ช่วงการดำเนินธุรกิจคือช่วงระหว่างปี 2561 จนถึงปี 2563 ได้ลงเงินไปทั้งสิ้นจำนวน 4,840,595 บาท โดยทั้งคู่ได้โอนเงินต้นและกำไรคืนมาให้ตนเองเป็นเงินจำนวน 2,766,950 บาท ยังคงค้างเงินจำนวน 2,073,645 บาท พร้อมทั้งผลกำไรที่ตนเองจะต้องได้รับ
น.ส สุดาพร เปิดเผยว่า ตนได้ทำการติดต่อทั้งสองคนหลายครั้ง ว่าเมื่อไรจะคืนเงินจำนวนที่เหลือให้แต่ก็ได้รับการผัดผ่อนเรื่อยมา จึงเห็นว่าการกระทำดังกล่าว ทำให้ตนเองได้รับความเดือดร้อนเสียหายเป็นอย่างมาก และพบว่าการกระทำดังกล่าวยังเป็นการกระทำผิดวินัยตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และกฎก.ตร. ว่าด้วยประมวลจริยธรรมและจรรยาบรรณของตำรวจ พ.ศ.2551
ต่อมาตนเองทราบภายหลังจากการสนทนาทางโทรศัพท์กับภรรยาของร.ต.ท.ว่าการลงทุนรับจำนำนั้น ได้ไปดำเนินการรับจำนำในบ่อนการพนัน ก่อนจะที่ตนจะไปยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมถึงผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา ลงวันที่ 29 สิงหาคม 2564 แต่จนถึงวันนี้ยังไม่มีความคืบหน้า จึงมายื่นหนังสือเรียกร้องขอความเป็นธรรม เพื่อขอความช่วยเหลือจาก พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ช่วยตรวจสอบ ติดตามผลการสอบสวนให้ด้วย
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องไว้ และจะส่งเรื่องให้กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค5 ตรวจสอบพร้อมประสานงานกองจเรตำรวจ 5 ติดตามความคืบหน้าต่อไป
