รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบการผลิตเนื้อสุกรของบริษัทเบทาโกรพัทลุง หลังบริษัทปิติซีฟู๊ด จำกัดอ้างเนื้อสุกรที่แช่แข็งกว่า 200,000 กก.เป็นของบริษัท เบทาโกรพัทลุง
วันที่ 21 มกราคม 65 ที่ห้องประชุมโรงงานแปรรูปเนื้อสุกรเบทาโกรพัทลุง ถนนอภัยบริรักษ์ อ.เมืองพัทลุง นายวิญญ์ สิทธิเชนทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น ปศุสัตว์จังหวัด พาณิชย์จังหวัด สนง.กักกันสัตว์ กอรมน. สนง.ประชาสัมพันธ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ารับฟังการดำเนินงานของโรงงานแปรรูปฯ โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตมาชี้แจงรายละเอียดของการแปรรูปตลอดถึงการระบายซากสุกรไปยังแหล่งจำหน่ายตามออเดอร์
สำหรับโรงงานแปรูปเนื้อสุกรเบทาโกรได้ผลิตเนื้อสุกรตามยอดขายที่ตั้งไว้แล้วในแต่ละเดือน ซึ่งต้องขออนุญาตถูกต้อง ในแต่ละวันแผนกวางแผนจะต้องรู้ว่าจัดส่งที่ไหนบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ในภาคใต้จะส่งให้กับสาขาจำนวน 50 แห่ง นอกจากนั้นยังมีกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเนื้อสุกรที่แช่เย็นและแช่แข็ง จึงจำเป็นต้องจัดหาห้องเย็นเพื่อแช่เนื้อสุกรให้กับลูกค้ากลุ่มดังกล่าว จึงเป็นที่มาของการเช่าห้องเย็นในจังหวัดสงขลา ส่วนในการจัดส่งแผนกเคลื่อนย้ายจะต้องขออนุญาตเพื่อนำไปที่ จ.สงขลา ทุกคันที่เคลื่อนย้ายสถานที่แรกคือ ส่งที่โกดังในจังหวัดสงขลา ก่อนกระจายไปยังสาขาต่างๆ
นายวิญญ์ สิทธิเชนทร์ รอง ผวจ.พัทลุงกล่าวหลังประชุมร่วมตัวแทนของโรงงานแปรรูปฯว่า การเข้ามาตรวจสอบในครั้งนี้มี 3 รายการด้วยกันคือ การเฝ้าระวังของโรคอหิวาแอฟริกาในสุกร ซึ่งเป็นต้นทางในเรื่องของปัญหาสุกร ส่วนการคุ้มครองผู้บริโภคเนื้อสุกรให้ได้รับความเป็นธรรม ทางสำนักพาณิชย์ได้กำหนดตลาดธงฟ้าขายสุกรราคาถูก นอกจากนั้นทางจังหวัดจะต้องตั้งศูนย์ในการเฝ้าระวังของโรคอหิวาในสุกร
ในส่วนของการผลิตเนื้อสุกรที่โรงงานแปรรูปเบทาโกรพัทลุงนั้น ต้องดำเนินการตามออเดอร์ของบริษัทแม่ ที่มีแผนการไว้ เมื่อชำแหละเสร็จต้องส่งไปยังบริษัทแม่ จ.สงขลา จากการสอบถามทราบว่าภายใน 1 เดือน ทางโรงงานแปรรูปได้ชำแหละตามปกติ ไม่มีความเคลื่อนไหวในเรื่องของปริมาณขึ้น-ลง กำลังผลิตอยู่ที่ 450 ตัวต่อวันหรือ 40 ตันต่อวัน เป็นไปตามกลไกปกติ ในส่วนของเนื้อสุกรที่ส่งไปเก็บที่ จ.สงขลา กรรมสิทธิ์ในการจัดเก็บขึ้นอยู่กับบริษัทใหญ่ ซึ่งทางโรงงานแรรูปไม่สามารถให้คำตอบได้ เพราะยู่นอกหน้าที่ๆกำหนดไว้ นอกเหนือจากนั้นทางกรามการชุดดังกล่าวได้เข้าตรวจสอบสายพานการผลิต ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการแพร่เชื้อโรคก็เป็นไปอย่างปกติ ส่วนการเคลื่อนย้ายสุกรเป็นหรือเนื้อสุกรนั้นยังเคลื่อนย้ายได้ตามปกติ เพียงแต่ให้ดำเนินการตามกติกาอย่างเคร่งครัด