วันที่ 20 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวรับการร้องเรียนจาก น.ส.บี(นามสมมุติ) ว่ามีพระรูปหนึ่งชื่อหลวงพ่ออ้วน อยู่ที่สำนักสงฆ์เป็นสถานที่พักสงฆ์ บ้านกันทจาน ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ได้ใช้อารมณ์ใช้ไม้ตะพตมาฟาดหัวของนายเสมอ สายดวง มีศักดิ์ปู่ของ น.ส.บี(นามสมมุติ) อายุ 59 ปี บ้านพักอาศัยบ้านเลขที่ 64 หมู่ 13 ต.สวาย อ.เมือง จ.สุรินทร์ พร้อมกับเปิดคลิปที่ น.ส.บี(นามสมุมติ) ได้ถ่ายไว้ได้ ซึ่งนายเสมอ สายดวง มีศักดิ์ปู่ของ น.ส.บี(นามสมมุติ) ถูกตีด้วยไม้ตะพตความยาวกว่า 1 เมตร เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2565 เวลา 12.00 น. สภาพบาดแผลได้รับบาดเจ็บที่ศรีษะเลือดไหลออกมาไม่หยุดแผลยาวต้องเย็บถึง 7 เข็ม เข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสุรินทร์ 2 วัน โดยมีญาติ ๆ เดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งหลวงพ่อในข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส
นางสาวบี หลานสะใภ้ของนายเสมอ เล่าว่าวันนั้น เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2565 ช่วงเวลา 11.00 น. ตนและครอบครัวทั้ง 6 คนได้เดินทางไปที่ อาสนะสงฆ์หลวงตาอ้วน เพื่อจะไปทำสังฆทานตนและครอบครัว ได้พากันนั่งรออยู่ด้านหน้าและได้พูดคุยกันในระหว่างครอบครัว และได้มีญาติโยมอีกชุดหนึ่งมาที่อาสนะสงฆ์แห่งนี้เช่นกัน และทางญาติโยมอีกชุดนึงได้พูดคุยกับตนและปู่ของตนว่าจะเดินทางมาดูดวงกับหลวงตาอ้วน และได้บอกกับตนว่าขอเข้าดูดวงก่อนได้ไหม เพราะเดินทางมาไกลตนและปู่จึงบอกว่าให้แซงคิวก่อนเลย เพราะบ้านตนอยู่ไม่ไกลจากนั้นตนและครอบครัวก็นั่งคุยกันตามปกติ จนสังเกตเห็นหลวงตาอ้วนเดินออกมามองอยู่ที่หน้าประตู และได้ใช้ไม้เท้าขนาดใหญ่ (ไม้ตะพด)เคาะลงที่พื้น 2-3 ครั้งอย่างแรงจนเสียงดัง และสักพักหลวงตาอ้วนก็ได้เดินลงมาพร้อมทั้งพูดภาษาเขมรแปลได้ว่าเป็นคำหยาบคายและด่าทอว่านายเสมอซึ่งเป็นปู่ของตน ด่าถึงบุพการีอย่างเสียๆหายๆและบอกว่าถ้ายังไม่กลับจะเอาปืนมายิง ตนก็แปลกใจแต่ไม่ได้คิดอะไร
จากนั้นก็สังเกตเห็นหลวงตาอ้วนเดินพุ่งตรงมาที่ปู่ของตน ตนเห็นดังนั้นจึงแอบถ่ายคลิปไว้อย่างที่เห็นในภาพและไม่คิดว่าหลวงตาอ้วนจะใช้ไม้ตะพดตีลงที่ไหล่ด้านซ้ายของปู่ของตนเป็นจำนวน 2 ครั้ง และเดินออกไปจากนั้นก็เดินกลับเข้ามาอีกและได้ใช้ไม้ตะพดฟาดลงที่หัวด้านซ้ายของปู่ตนอย่างแรง จากนั้นทุกคนก็ตกตะลึงและเข้ามาดูปู่ของตนจึงได้เห็นว่าที่หัวของปู่นั้นมีเลือดไหลออกมาอย่างมากตนจึงบอกให้ทุกคนกลับบ้านเพื่อพาปู่ไปรักษา เมื่อมาถึงบ้านตนก็โทรแจ้ง 1669 ให้มารับตัวปู่ของตนไปโรงพยาบาล ตนนั้นเห็นว่าปู่นั้นเริ่มมีอาการหมดสติตัวซีดเพราะมีเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ตนก็นั่งรอรถพยาบาลมารับไปปู่ก็เริ่มจะไม่พูดจาแล้วเพราะไม่ค่อยมีสติ จากนั้นเมื่อรถพยาบาลมาถึงก็รีบนำตัวปู่ส่งโรงพยาบาลสุรินทร์ จากนั้นตนและญาติๆก็ได้เดินทางไปยัง สภ.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับหลวงตาอ้วน ส่วนตัวนั้นไม่เคยรู้จักหลวงตาอ้วนไม่เคยพบหน้ากัน และมาทำบุญที่นี่เป็นครั้งแรก ตนก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรหลวงตาอ้วนถึงทำร้ายปู่ของตนเช่นนี้ นางบีกล่าว.
นาย เสมอ สายดวง (ผู้ได้รับบาดเจ็บ) อายุ59 ปี บ้านเลขที่ 64 หมู่13 ต.สวาย อ.เมือง จ.สุรินทร์ ได้เล่าให้ทีมข่าวฟังว่าตนนั้นไม่รู้จักกับหลวงตาอ้วนเลย และไปทำบุญที่อาสนะสงฆ์ที่นี่เป็นครั้งแรก ไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น จากนั่นก็เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังถึงเหตุการณ์วันนั้นให้ฟัง ว่าตนจะไปทำบุญสะเดาะเคราะห์เพราะทางญาติๆได้ชวนไป พอไปถึงตนก็นั่งคุยเล่นกันกับครอบครัวอีก 5 คน เพราะมีคิวอยู่แล้ว1 คิวจากนั้นตนก็ได้เห็นหลวงตาอ้วนเดินลงมา และได้พูดจาด่าทอตนเป็นภาษาเขมร ว่ากูมองมึงมานานแล้ว กูไม่ชอบหน้ามึงไม่ถูกชะตามึง พร้อมทั้งด่าทอพ่อแม่ของตนอย่างเสียๆหายๆ ตนนั้นก็แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้นหลวงตาอ้วนถึงมาด่าทอตน ตนนั้นก็ได้แต่พนมมือยกไหว้
จากนั้นหลงตาอ้วนก็ได้ใช้ไม้เท้า(ไม้ตะพด) ฟาดลงที่ไหล่ซ้ายของตน2ทีแต่ก็ไม่แรงนัก ตนมองดูหลวงตาอ้วนมีแววตาขึงขังจองเขม็งมาที่ตาอย่างน่ากลัวแต่ไม่รู้ว่าเมาหรือไม่ จากนั้นหลวงตาอ้วนก็เดินออกไปและหันกลับมาใช้ไม้เท้า(ไม้ตะพดขาดใหญ่) ฟาดลงที่หัวตนอย่างแรงตอนนั้นตนรู้สึกมึนหัวและเจ็บปวดที่หัวมาก เอามือกุมที่โดนฝาดจึงรู้ว่ามีเลือดไหลออกมาจำนวนมากเนืองเต็มพื้น ส่วนหลานๆก็ได้เอาผ้ามาซับเลือด ตนนั้นก็ตกใจและพากันกลับมาบ้าน หลังจากนั้นตนก็ไม่รู้สึกตัว มารู้สึกตัวก็มาอยู่ที่โรงพยาบาลสุรินทร์แล้ว ตนนั้นได้นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสุรินทร์ อยู่2 คืน3วัน โดยได้เย็บแผล 7 เข็มกระโหลกร้าวแต่ไม่มีเลือดออกในสมอง ปัจจุบันยังมีอาการเวียนหัวและปวดศีรษะอยู่ ตนนั้นจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นตนไม่เข้าใจว่าทำไม่หลวงตาอ้วนถึงได้ทำกับตนเช่นนี้ แล้วต่อไปใครจะไปกราบไหว้ให้ความศรัทธา เพราะหากหลวงตาอ้วนไม่ถูกชะตากับใครอาจทำแบบนี้อีกก็ได้ ซึ่งเป็นอันตรายมาก หากมีอาการป่วยก็ควรรักษา นายเสมอกล่าว
สำหรับสำนักสงฆ์เป็นสถานที่พักสงฆ์ บ้านกันทจาน ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ มีพระรูปเดียวคือหลวงพ่ออ้วน อยู่ที่สำนักสงฆ์เป็นสถานที่พักสงฆ์ ก็จะมีญาติโยมคอยมาถวายอาหารให้ช่วงเวลาเพลเท่านั้น
ภาพ/ข่าว: เขมชาติ ชุณหกิจขจร / รมิตา สิงหเสรี/ ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดสุรินทร์