จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ วิกรานต์ ภูมิรักษ์ ได้โพสต์คลิปวงจรปิดผ่านโชเชียลกลุ่มบอนสี ภูเก็ต หลังถูกคนร้ายก่อเหตุขโมยบอนสีชนิดต่างๆไปจากบริเวณหน้าห้องเช่าภายในซอยพัชนี ถ.เทพกระษัตรี ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อเวลา 03.11 น.วันที่ 27 ม.ค.65 โดยคนร้ายเป็นชายใส่เสื้อยืดแขนสั้น นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ ใส่แมสก์เดินด้อมๆมองๆแล้วปรี่เข้ามาที่บริเวณหน้าห้องพักขโมยบอนกระดาดด่างขาวไซส์ตั้งแม่ บอนสีจอมทัพไซส์ตั้งแม่ บอนสีหงส์เหินและบอนสีพระนารายณ์อย่างละต้น รวมทั้งหมด 4 ต้นที่วางเรียงไว้บนชั้นวางต้นไม้ โดยจะเดินมาหยิบทีละต้นแล้วนำไปวางด้านนอก ก่อนที่จะขับรถ จยย.เข้ามาขนไปทั้งหมดแล้วหลบหนีไป โดยราคาซื้อขายบอนทั้ง 4 ต้นนั้น ไม่สูงมากนัก ราคาอยู่ที่ 4,000-5,000 บาท แต่สิ่งที่สำคัญคือ เป็นบอนสีที่ลูกสาววัย 4 ขวบรักและหลงใหลเป็นอย่างมาก มีคุณค่าทางจิตใจของลูกสาวและตนเองมากกว่าราคาซื้อขาย เพราะทุกๆเช้า ลูกสาวจะพาบอนสีแต่ละต้นมาวางตากแดดอ่อนๆในยามเช้า เพื่อให้บอนสีสดและด่าง จนเมื่อเช้าลูกสาวตื่นนอนมา ตนเองได้บอกกับลูกสาวว่ามีคนมาขโมยบอนสีและบอนด่างไปแล้ว ลูกสาวอึ้งไปครู่พร้อมกับถามว่า”ทำไมเค้าต้องมาเอาของเราไปด้วยค่ะ” ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจยิ่งนัก
ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 29 ม.ค.65 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.สราวุธ ชูประสิทธิ์ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.นฤบดินทร์ ปังหลีเส็น รองผกก.สส.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ต.ทัพไทย ลีลานนท์ สว.สส.ฯ นำโดย ร.ต.อ.อนิรุทธิ์ ทองผึ้ง ร.ต.อ.สุทน ภักดี รอง สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมด้วยชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ตได้ติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุขโมยบอนสีและบอนกระดาดด่างขาวที่หน้าห้องเช่าในซอยพัชนี ถ.เทพกระษัตรี ต.รัษฎา อ.เมืองเมื่อกลางดึกวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา หลังจากตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตั้งแต่บริเวณลานจอดรถหน้าห้องเช่าของผู้เสียหายเรื่อยมาตามถนนใกล้เคียง จนพบว่าคนร้ายได้ขี่รถ จยย.ต้องสงสัย ทะเบียน 4 กฉ 5749 กรุงเทพมหานครออกจากจุดเกิดเหตุแล้วไปจอดที่หน้าบ้านพักในซอยแม่ขำ ห่างจากบ้านพักผู้เสียหายราว 500-700 เมตร
จึงเข้าตรวจสอบ พบนายเต็มพล จันทร์ภักดี อายุ 32 ปี อยู่หมู่ 3 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต อยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว โดยยอมรับว่าเป็นบุคคลที่ปรากฎอยู่ในภาพกล้องวงจรปิดเมื่อกลางดึกวันที่ 27 ม.ค.65 และเป็นคนขโมยบอนสีและบอนกระดาดด่างขาวของผู้เสียหายจากหน้าบ้านพักมาจริง โดยนายเต็มพลอ้างว่าขณะก่อเหตุเมาสุรา และเกิดความอยากได้บอนสี เพราะตัวเองชื่นชอบต้นไม้ประเภทดังกล่าว จึงใช้รถ จยย.คันดังกล่าวออกก่อเหตุ จนกระทั่งมาถูกจับกุม โดยไม่ได้ต้องการนำไปขาย แต่อยากจะเลี้ยงไว้เชยชม จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ตเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป