เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าจับกลุ่มโค่นไม้เขตป่าสงวนฯโชว์ลง TikTok

วันที่ 14 มิ.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประวิทย์ ช่วยหมุด หน.หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้เมืองพังงา พร้อมด้วย นายนิธิวุฒิ ละวิวรรณ ผอ.ทสจ.พังงา ว่าที่ร้อยเอกพงษ์ศักดิ์ เวทยาวงศ์ นอภ.เมืองพังงา พ.ต.อ.วิชาคม คำจำปา ผกก.สภ.ทุ่งคาโงก พ.ต.ต.นิพนธ์ พลอยขาว ผบ.ร้อย ตชด.425 ตะกั่วป่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปทส.ชุดปฏิบัติการจังหวัดพังงา ปลัดอำเภอ อส. กอ.รมน.พังงา เจ้าหน้าที่หน่วย นปพ.เมืองพังงา ทสจ.พังงา กำนันตำบลสองแพรก สนธิกำลังเข้าตรวจสอบหลังได้รับทราบผ่านสื่อสังคมออนไลน์ แอพพิเคชั่น tiktok ใช้ชื่อ บังลุค ไม้ใหญ่ กมลา ได้โพสต์ภาพและข้อความในขณะกำลังโค่นต้นไม้ ทราบภายหลังเป็น ตะเคียนสามพอน และไม้หวงห้าม จำนวนมาก อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขากะทะคว่ำ

จากการตรวจสอบพบมีผู้เลื่อยและเคลื่อนย้ายโดยใช้รถแบ็คโฮ จำนวน 5 คน ชาย 4 หญิง 1 จึงควบคุมตัวพร้อมของกลาง ไม้ขนาดใหญ่ที่ถูกโค่นล้ม 33 ท่อน/ต้น เลื่อยยนต์ 3 เครื่อง อุปกรณ์การชักลากไม้หลายรายการ และ รถแบ็คโฮ จำนวน 1 คัน เจ้าหน้าที่ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาว่า กระทำผิดตาม พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 พรบ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 พรบ.เลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ.2545 พรบ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535 ซึ่งทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยนายอัมรี เพชรมณี อายุ 29 ชาวสตูล รับสารภาพเครื่องเลื่อยทั้งหมดเป็นของตนเอง

ขณะนางจรินทร์ อายุ 68 ปี อ้างมีกรรมสิทธิ์ที่ดินในพื้นที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ตนเองได้รับมรดกที่ดินจากพ่อของตนเอง เป็น นส.2 จำนวน 24 ไร่ เมื่อปี 2505 กระทั่งลูกชายได้เล่นติ๊กต๊อกและทราบว่ามีคนต้องการซื้อขายไม้ขนาดใหญ่ จึงสอบถามเจ้าหน้าที่หน่วยหนึ่งในพื้นที่ใกล้เคียง จนเข้าใจว่าต้นไม้หวงห้ามสามารถขายและให้โค่นได้ จึงตัดสินใจติดต่อและขายให้ในราคาเหมาจำนวน 80,000 บาท เป็นไม้อายุมากกว่า 60 ปี มีขนาดใหญ่ และไม่เข้าใจว่าถูกจับกุมร่วมกระทำผิดครั้งนี้ได้อย่างไร

ส่วน นายลุกมาน อายุ 31 ปี ชาว ต.บางริ้น อ.เมืองระนอง กล่าวว่า ตนเองลงติ๊กต๊อกหาคนขายไม้ขนาดใหญ่ในพื้นที่เอกสารสิทธิ์ จนมีคนติดต่อทางสื่อออนไลน์ และได้ตกลงราคาเหมาไม้ในราคา 80,000 บาท ในขณะตัดโค่นไม้ยอมรับว่าลงโพสต์ใน tictok ลักษณะขายไม้ไปด้วยจนได้ลูกค้าที่รับซื้อไม้จากตนเองในราคาท่อนละ 100,000 บาท การลงสื่อออนไลน์เป็นวิธีการขายของตนเองและถือว่าเป็นสิทธิ์ของตนเองโดยตนเองมองว่าไม้ที่โค่นในที่ดินกรรมสิทธิ์มีการตกลงซื้อขายชัดเจน ส่วนที่ดิน นส.2 ตนเองเข้าใจว่าสามารถค้าขายไม้ได้ตามกฎหมาย

ต่อมาได้นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางบันทึกการจับกุม ที่ หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้อำเภอเมืองพังงา ต.ตากแดด อ.เมืองพังงา โดยนายพจน์ หรูวรนันท์ ปลัดพังงา ร่วมแถลงผลการจับกุม ว่า ทางอำเภอเมืองพังงาได้เข้าตรวจสอบตามภาพที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งพบว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขากะทะคว่ำ หมู่ 2 ต.สองแพรก อ.เมือง จ.พังงา โดยคิดมูลค่าเสียหายต้นไม้จำนวน 33 ท่อน/ต้น รวมเป็นเงิน 1,974,390 บาท และตรวจยึดพื้นที่จำนวน 3 ไร่ 3 งาน 40 ตารางวา


Scroll to Top

แฉข่าวเด่น ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า