ล่าสุดเปิดใจหลวงพ่อขึ้นป้ายมีข้อความว่า “วัดเป็นเขตพุทธสถาน กรุณาอย่านำมาถวายพระภิกษุสงฆ์และสามเณร ห้ามนำเข้าวัด ผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภคที่มีตราสัญลักษณ์ต่างศาสนานี้(ตราฮาลาล)เข้ามาใช้ภายในเขตวัดนี้โดยเด็ดขาด จนมีคนนำไปเผยแพร่ภาพโลกออนไลน์ ขณะที่ ผอ.สำนักพุทธว่าไม่ผิดเพราะเป็นที่ส่วนบุคคลไม่ใช่วัด
จากกรณีโลกออนไลน์ มีการเผยแพร่ภาพหลวงพ่อขึ้นป้ายมีข้อความว่า “วัดเป็นเขตพุทธสถาน กรุณาอย่านำมาถวายพระภิกษุสงฆ์และสามเณร ห้ามนำเข้าวัด ผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภคที่มีตราสัญลักษณ์ต่างศาสนานี้(ตราฮาลาล)เข้ามาใช้ภายในเขตวัดนี้โดยเด็ดขาด ของที่พักสงฆ์ ระหว่างตำบลน้ำเขียว อ.รัตนบุรี และตำบลโพนโก อ.สนม จ.สุรินทร์ โดยในป้ายปรากฏภาพพระสงฆ์รูปหนึ่งยืนถ่ายรูป)คู่กับป้ายดังกล่าว เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ญาติโยมได้ทราบถึงพื้นที่ตรงนี้ ทำให้ชาวเน็ตเสียงแตกเมื่อที่พักสงฆ์ติดป้าย ห้ามนำอาหารที่มีป้ายตราฮาลาลเข้ามาถวายพระในวัด ด้านประธานสงฆ์ลั่นไม่ได้สร้างความแตกแยก
ล่าสุดวันที่ 22 ก.พ.2565 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ที่พักสงฆ์แก้วนาคราชแก่นธรรม ระหว่างตำบลน้ำเขียว อ.รัตนบุรี และตำบลโพนโก อ.สนม จ.สุรินทร์ ซึ่งมีพื้นที่จำนวน 30 ไร่ มีพระจำพรรษาอยู่ 4 รูป สร้างมาได้ 9 ปี ที่ดินที่สร้างขึ้นเป็นที่ดินของโยมพ่อโยมแม่และญาติของ พระมหาธีรเวยท์ สุรจิต.โต ประธานสงฆ์ที่มีจิตศรัทธาถวายให้
พระมหาธีรเวยท์ สุรจิต.โต ประธานสงฆ์ กล่าวว่า กระแสตอบกลับมามีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งเราอยู่กับโลกโดยเราจะไม่ให้ความเห็นมันตรงกันได้ โดยความตั้งใจจริง ๆมันเป็นสัญลักษณเท่านั้นเอง คือเป็นเขตพุทธสถาน แต่เรื่องสร้างความแตกแยกไม่มี ทางเราต้องการว่าเขตนี้เป็นเขตพุทธสถานบูชาพระพุทธเจ้า ญาติพี่เราให้ตื่นตัว แต่ไม่ได้ห้ามว่าต้องไปส่งเสริมไม่ต้องไปซื้อเฉพาะเขตนี้ คือกระแสที่เขาตอบมาไม่เห็นด้วยเขาก็หาว่าหลวงพี่พระอาจารย์มาสร้างความแตกแยกไม่ใช่เลย ส่วนใครจะมาเยี่ยมชมที่พักสงฆ์แห่งนี้ อาตมาก็ไม่ว่าอะไร เจ้ามาได้ทุกศาสนาทางเราก็ยินดีต้อนรับ ส่วนสิ่งของที่ญาติโยมนำมาถวายนั้นถ้ามีตราฮาลาลอาตมาก็นำไปแจกให้แก่ลูกศิษย์บ้างชาวบ้านบางมิได้มีการปลุกปั่นหรือสร้างความแตกแยกใดๆ หลวงพ่อกล่าว
ด้านนายประสงค์ ทองประ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุรินทร์ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า จะถือว่าเป็นการผิดวินัยสงฆ์ไหมนั้นก็ไม่ผิด ไม่ผิดกฏหมายเพราะสถานที่ตรงนี้ เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นวัด แต่ถ้าถามว่า เป็นการปลุกปั่นหรือสร้างความแตกแยกไหมนั้น ก็มองว่าเป็นได้ เป็นการแบ่งแยกของคนไทยพุทธและไทยมุสลิม แต่ถ้าวัดต่างทำตามมีมากๆขึ้น ก็อาจจะสร้างความแตกแยกให้ประชาชนชาวพุทธและชาวมุสลิมได้ เพราะปัจจุบันมีการแชร์ หรือส่งข้อความอันเป็นเท็จ ในกลุ่ม Social ต่างๆมากขึ้น อาจจะทำให้พระสงฆ์เกิดมีความรู้สึกไม่ดีขึ้นว่าทำไมพระสงฆ์และชาวพุทธถูกรังแก ท่านจึงคิดจัดตั้งเป็นสถานที่ส่วนของชาวพุทธขึ้นมา แต่ถ้าทางการ เห็นว่าเป็นการส่อไปในทางปลุกปั่นหรือสร้างความแตกแยก เราก็อาจจะเข้าไปตักเตือนและพูดคุยทำความเข้าใจกันให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้
ภาพ/ข่าว: เขมชาติ ชุณหกิจขจร / รมิตา สิงหเสรี ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดสุรินทร์