คุมตัว “เบิ้ม” คนร้ายบุกเดี่ยวจี้ชิงทรัพย์ธนาคาร ทำแผน

วันที่ 9 ก.พ.65 จากกรณีเมื่อวันที่ 7 ก.พ.65 เวลา 10.10 น.มีคนร้าย สูงประมาณ 180 เซนติเมตรขี่จักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า PCX สี ขาว-เทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีดำ ใส่ถุงมือสีขาว สวมกางเกงยีน สวมหมวกกันน็อก แบบเต็มใบปิดบังใบหน้า เข้าไปจี้ชิงเงินภายในธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาหินกอง ริมถนนพหลโยธิน ขาเข้ากรุงเทพฯ ก่อนเข้าก่อเหตุ คนร้านได้ไปคล้ำคอ รปภ.หน้าประตู บอกว่า ให้อยู่เฉยๆ อย่ายุ่ง  และได้วิ่งเข้าไปในธนาคารดังกล่าว หน้าเคาน์เตอร์ บังคับให้พนักงานหยิบเงินใส่ถุงที่เตรียมมา โดยได้เงินประมาณ 210,000 บาท จากนั้นได้วิ่งหนีออกจากแบงก์ แต่ถูก รปภ.ใช้เหล็กขาตั้งเจลแอลกอฮอล์ ขัดขวางประตูไว้ ทำให้คนร้ายต้องออกแรง กระชากประตูแบงก์จนเหล็กที่ขัดขาวงไว้กับประตูเลื่อนหลุด ก่อนวิ่งหนี และขี่จักรยานยนต์มุ่งหน้าไปทางถนน สุวรรณศร- วิหารแดง ซึ่งจากการก่อเหตุครั้งนี้คนร้ายใช้เวลาเพียง 2 นาทีเท่านั้น

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวน ภ.จว.สระบุรี สืบสวน สภ.หนองแค พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 1 เข้าตรวจสอบพื้นที่ พร้อมตรวจกล้องวงจรปิด ตามเส้นทางที่คนร้ายที่ก่อเหตุใช้หลบหนี้ จากนั้นได้กระจายกำลังกันติดตามตัวคนร้าย พร้อมกับตั้งรางวัล นำจับ เป็นเงิน 10,000 บาท สำหรับประชาชนที่ชี้เบาะแสคนร้าย จนนำไปสู่การจับกุม โดยมีประชาชนแจ้งเบาะแสมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นจำนวนมาก จนสามารถทราบได้ว่า คนร้ายที่ก่อเหตุจี้ชิงเงินในธนาคารไทยพาณิชย์ คือ นาย วีระชัย อัคชาติ หรือเบิ้ม อายุ 33 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำกำลังเข้าไปตรวจค้น บ้านพักในพื้นที่ ม.6 ต.โคกแย้ อ.หนองแค จ.สระบุรี ซึ่งพบหลักฐานรถจักรยานยนต์ ที่ใช้ในการก่อเหตุ ตรงตามภาพในกล้องวงจรปิด พร้อมทั้งชุดเสื้อผ้า และหมวกกันน็อก ที่นาย วีระชัย นำไปซุกไว้ภายในโอ่งที่อยู่ในบ้าน ซึ่งในเบื้องต้น นาย วีระชัย ยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ นำตัวนาย วีระชัย ส่งพนักงานสอบสวนสอบเค้น ยืนยันว่ามีหลักฐานจากผลการตรวจ ดีเอ็นเอ จนนาย วีระชัย ยอมรับสารภาพ คนร้ายที่ก่อเหตุจี้ชิงเงินในธนาคารเป็นตนเอง โดยก่อเหตุเพียงคนเดียว ส่วนเงินที่ได้มาตนแอบซ่อนไว้ที่ใต้ที่นอน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพบว่ามีเงินเหลือเพียง 7,580  บาท โดยนายวีระชัย อ้างว่าได้เงินมาเพียงเท่านี้ ไม่ใช่ 2 แสนตามที่เป็นข่าว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา “ชิงทรัพย์โดยอำพรางใบหน้า” มีโทษจำคุก 5-10 ปี

วันนี้ พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช รอง ผบก.ภ.จว.สระบุรี พร้อมด้วย  พ.ต.ท. ชนันธร คำเกษ   ร้อยเวรสภ.หินกอง สาขาย่อย อ.หนองแค  (เจ้าของคดี)  และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สอบสวน ได้ควบคุมตัว นาย วีระชัย อัคชาติ หรือเบิ้ม อายุ 33 ปี มาทำแผนยังที่เกิดเหตุ บริเวณธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาหินกอง ริมถนนพหลโยธิน ต.ห้วยทราย อ.หนองแค จ.สระบุรี โดยจุดแรกที่นาย วีระชัย จอดรถ จากนั้นได้ผลักประตูเข้าไป ก่อนที่จะบังคับข่มขู่ให้พนักงานธนาคารหยิบเงินใส่ถุงให้ จากนั้นได้วิ่งออกจากธนาคาร แต่ถูกทางเจ้าหน้าที่ รปภ.ของแบงก์ เอา เหล็กขาตั้งกดเจลแอลกอฮอล์ ขัดล็อกประตูไว้ โดยนาย วีระชัย ได้ดันประตูจนออกมาได้ และขึ้นขี่จักรยานยนต์หลบหนีไป จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำตัวนายวีระชัยกลับไป สภ.หนองแค จ.สระบุรี  เพื่อไปสอบปากคำเพิ่มเติม  และเย็นนี้คาดว่าน่าจะส่งฝากขังศาลจังหวัดสระบุรีต่อไป

ส่วน นาง สุนันท์ ไทยเสณี อายุ 62 ปี ( ผู้ใช้บริการธนาคาร) เล่าว่า  ตนเองมาเปิดบัญชีที่นี่ประจำ  และก็ทราบข่าวที่มีโจรมาปล้นธนาคาร ตนตกใจ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าทำขนาดนี้ เพราะทำคนเดียวมันก็กล้านะ  ส่วนการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายได้แล้วนั้น  ตนรู้สึกดีมาก  อยากให้มันติดคุก ไม่ต้องให้มันออกมาเลยคนพันธุ์นี้  มือและเท้าก็ยังดีอยู่ อาชีพอื่นมีเยอะแยะไม่ทำ   ส่วนธนาคารนี้ตนเองเปิดบัญชีตั้งแต่เริ่มต้น นานแล้ว เพราะที่นี่เขาบริการดีมาก   ดีแล้วที่ตำรวจจับคนร้ายได้ จะได้ไม่หวาดผวากัน  ตนก็สบายใจด้วยที่จับได้

ทางด้าน  พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช รอง ผบก.ภ.จว.สระบุรี เผยว่า  ถือว่าเป็นการกระทำที่รู้ผิดชอบชั่วดี  เป็นข้ออ้างไม่ได้ ก็เห็นภาพอยู่ว่า เขาตั้งใจเจตนาชิงทรัพย์ธนาคาร  ส่วนเรื่องเงินไปเจอที่บ้านพักของผู้ต้องหา แต่ไม่ทราบว่าเป็นจำนวนเท่าไหร่  ซึ่งตอนนี้กำลังสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงอยู่  และทางธนาคารจะดูรายละเอียดเรื่องตัวเลขที่แน่นอนอีกที คนร้ายยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง  เพราะหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิด และคำรับสารภาพของผู้ต้องหา เป็นไปตามคลิปที่ปรากฏในธนาคาร ภาพรถจักรยานยนต์ เสื้อผ้า ก็ชัดเจน  และตรวจดีเอ็นเอ ลายนิ้วมือแฝง

ทางด้านพ.ต.ท.ชนันธร คำเกษ  กล่าวว่าผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ไม่มีอาวุธปืน  ส่วนเงินของกลาง ตอนนี้ผู้ต้องหายังปฏิเสธ ได้เพียงแค่บางส่วน  ซึ่งผู้ต้องหาให้การว่าจะขอเก็บเงินบางส่วนไว้ใช้  ถ้าออกจากคุกมาก็จะใช้เงิน  แต่เราก็จะพยายามสืบสวนเค้นเพื่อให้รู้ที่ซ่อนเงิน  และผู้ต้องหามีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด

ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ จังหวัดสระบุรี


Scroll to Top

แฉข่าวเด่น ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า