รมช.เกษตรและสหกรณ์ลงพื้นที่พัทลุง เพื่อติดตามการปฏิบัติงานตามยุทธศาสตร์ชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. วันที่ 11 พ.ย.65 ณ สหกรณ์การเกษตรพนมวังก์ จำกัด อ.ควนขนุน จ.พัทลุง นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะลงพื้นที่จังหวัดพัทลุง โดยมี ดร.นาที รัชกิจประการ ประธานคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีระกูล) นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส. พัทลุง เขต 2 พรรคภูมิใจไทย และคณะให้การต้อนรับ ทั้งนี้เพื่อติดตามการปฏิบัติงานตามยุทธศาสตร์ชาติ การลดความเหลื่อมล้ำผ่านนโยบายรัฐบาล “โครงการแก้ไขปัญหาหนี้ให้กับประชาชน ” แผนงานที่ดำเนินการโดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในการชดเชยดอกเบี้ยฯให้กับสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ติดตามโครงการนำลูกหลานเกษตรกลับบ้าน สานต่ออาชีพการเกษตร พร้อมติดตามการส่งเสริมอาชีพด้านปศุสัตว์อัตลักษณ์ถิ่นของเกษตรกร เครือข่ายขบวนการสหกรณ์ในจังหวัดพัทลุง และการเตรียมการช่วยเหลือ จากสถานการณ์อุทกภัยตามฤดูกาล
สำหรับสหกรณ์การเกษตรพนมวังก์ จำกัดนั้น ได้ขับเคลื่อนงานตามภารกิจภาครัฐผ่านสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ จนทำให้ประชาชนได้เข้าถึงองค์ความรู้ในการประกอบอาชีพ ปัจจัยการผลิตการตลาด และการรวมกลุ่มทางสังคม สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร จนได้รับการยอมรับจากประชาชนในจังหวัดพัทลุงว่าเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง ปัจจุบันมีกว่า 127,900 ครัวเรือน มีการสะสมทุนในชุมชนกว่า 7,720 ซึ่งทางด้าน นางสาวมนัญญาฯ ได้มอบป้ายแสดงเงินชดเชยดอกเบี้ย 1.20 ล้านบาท แก่ผู้แทนสหกรณ์อีกด้วย
ต่อมาในเวลา 13 .00 น. นางสาวมนัญญา ฯ พร้อมคณะ ได้เดินทางมายังสำนักงานเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เพื่อประชุมร่วมและรับฟังความคิดเห็นจากตัวเลขานุการมูลนิธิลุ่มน้ำทะเลสาบ และผู้แทนวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเลี้ยงควายทะเลน้อย ก่อนลงพื้นที่บ้านป่าหัวเขียว หมู่ที่ 7 ต.ทะเลน้อย อ.ควนขนุน เพื่อเยี่ยมเกษตรกรสมาชิกสหกรณ์และองค์กรเครือข่ายผู้เลี้ยงควาย “ ควายปลัก” หรือเดิมที่เรียกว่า ( ควายน้ำ ) ซึ่งได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกทางการเกษตร ( GIAHS ) ของไทย จากองค์การอาหารและเกเกษตรแห่งสหประชาชติ ( FAO ) และวิถีคนทะเลน้อย “ ขายควาย การทำประมง ปลูกข้าว และแปรรูปผลิตภัณฑ์จากกระจูด” พร้อมมอบปัจจัยการผลิตให้กับตัวแทนเกษตรกร
นางสาวมนัญญาฯ เผยว่า ผลงานของกระทรวงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เห็นประจักษ์ที่ร่วมกับสหกรณ์หลายสหกรณ์ในพื้นที่จังหวัดพัทลุง คือโครงการนำลูกหลานกลับบ้านสานต่ออาชีพการเกษตรที่หลากหลายสามารถนำผลผลิตออกสู่ตลาดโลกได้ นอกจากนั้นสิ่งที่ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และรัฐบาลส่งมาในการรวบรวมผลผลิตที่ลงทุนมาจำนวน 38 ล้านบาท สามารถเพิ่มมูลค่าในการเก็บเกี่ยวได้ถึงจำนวน 1,500 ล้านบาท ขณะเดียวเกษตรกรชาวบ้านจังหวัดพัทลุงกว่า 2,000 ครัวเรือน อยากได้โรงสุกรซึ่งทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะพยายามผลัดดันต่อไปเพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มขึ้น
นางสาวมนัญญา ฯ กล่าวอีกว่า สำหรับพื้นที่ทะเลน้อย ซึ่งเป็นพื้นที่เลี้ยงควายนั้น ปัจจุบัน“ ควายปลัก” หรือเดิมที่เรียกว่า ( ควายน้ำ ) ได้ถูกประกาศเป็นมรดกโลกทางการเกษตร ( GIAHS ) ของไทยจากองค์การอาหารและเกเกษตรแห่งสหประชาชติ ( FAO ) ไปแล้วขณะนี้ทั่วโลกรู้จักจังหวัดพัทลุงมากขึ้น และต่อไปไม่เพียงแค่เป็นจุดถ่ายรูปเช็ดอินต่อไป แต่ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะลงพบกับผู้เลี้ยงควายว่าต้องการให้ทางราชการช่วยเหลืออะไรต่อไปในอนาคต เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้นกว่าเดิม
ด้าน ดร.นาที กล่าวว่าขอแสดงความดีใจกับเกษตรกรผู้เลี้ยงควายด้วยที่“ ควายปลัก” หรือเดิมที่เรียกว่า ( ควายน้ำ ) ได้ถูกประกาศเป็นมรดกโลกทางการเกษตร ( GIAHS ) ของไทยจากองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชติ ( FAO ) ไปแล้วจะทำให้คนทั่วโลกรู้จักจังหวัดพัทลุงมากขึ้น การท่องเที่ยวของจังหวัดพัทลุงจะต้องเดินหน้าต่อไป