เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อมฤต บุญสุยา ผบ.กองกำลังบูรพา จ.สระแก้ว สั่งการให้เจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันชายแดนทุกจุดเข้มงวดกวดขัน ปัญหาการลักลอบเข้าเมืองและการนำสิ่งของผิดกฎหมายเข้า-ออก บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในช่วงสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โดยเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่่เร็ว ฉก.คลองหาด กองกำลังบูรพา ชุดควบคุมตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 ร่วมกับ มว.ปชด.ที่ 3 ร้อย ปชด.(พล.ร.11) จัดกำลังพลทำการลาดตระเวนและซุ่มเฝ้าตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ กระทั่ง ตรวจพบชาวกัมพูชาลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายโดยใช้ช่องทางธรรมชาติ จำนวน 17 ราย เป็นชาย 7 ราย หญิง 7 ราย เด็ก 3 ราย ที่บริเวณ บ.เขาสารภี ใกล้กับบ้านทับพริก อ.คลองหาด จ.สระแก้ว ซึ่งจากการซักถามทราบว่า ชาวกัมพูชาทั้งหมด เดินทางมาจาก จ.เสียมเรียบ,จ.พระตะบอง และ จ.ไปรแวง ประเทศกัมพูชา ต้องการเดินทางไปทำงานในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร จึงควบคุมตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.คลองหาด ดำเนินการตามกฎหมาย
ต่อมา เจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็ว ฉก.คลองหาด ได้ร่วมกับ มว.ปชด.3 ร้อย ปชด.(พล.ร.11) ออกลาดตะเวนเฝ้าตรวจในพื้นที่รับผิดชอบเพิ่มเติม และสามารถ ตรวจพบชาวกัมพูชาลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายโดยใช้ช่องทางธรรมชาติอีกจำนวน 4 ราย เป็นชาย 2 ราย หญิง 2 ราย ที่บริเวณ บ.เขาสารภี ม.3 ต.ทับพริก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และจากการซักถามทราบว่า ทั้งหมดเดินทางมาจาก จ.บันเตียนเมียนเจย และ จ.ไปรแวง ประเทศกัมพูชา ต้องการเดินทางไปทำงานในพื้นที่ จ.ปทุมธานี, จ.ปราจีนบุรี เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ ดำเนินการตามกฎหมาย
ขณะเดียวกัน ที่ อ.ตาพระยา เจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็ว ฉก.ตาพระยา และชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 ร่วมกับ มว.ปชด.ที่ 1 ร้อย.ปชด.ที่ 1 (พล.ร.11) ออกลาดตระเวนเฝ้าตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ ตรวจพบชาวกัมพูชาลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายโดยใช้ช่องทางธรรมชาติ จำนวน 24 ราย เป็นชาย 15 ราย หญิง 7 ราย เด็ก 2 ราย ที่บริเวณ บ.หนองสิม ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และจากการซักถาม ทราบว่า ชาวกัมพูชาทั้งหมดเดินทางมาจาก จ.บันเตียเมียนเจย, จ.สวายเรียง, จ.เสียมเรียบ และ จ.โพธิสัตว์ ประเทศกัมพูชา ต้องการเดินทางไปทำงานในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร, จ.นครนายก, จ.สมุทรปราการ, จ.ระยอง, จ.ชลบุรี, จ.ปทุมธานี และ จ.นครปฐม เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัว เพื่อส่งให้ สภ.ตาพระยา ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นายยุทธนา พึ่งน้อย ผู้สื่อข่าวจังหวัดสระแก้ว
