จากกรณี เมื่อเวลา 18.30 นวันที่ 12 ธันวาคม 2564 ร.ต.อ. หญิง ลภัสกฤตา ธาระเลิศ รอง สว.(สอบสวน)สภ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเกิดเหตุ มีเหตุยิงกันภายในบ้านมีผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 รายเหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 53/7 หมู่ที่ 1 ตำบลภูเขาทองอำเภอพระนครศรีอยุธยาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงรายงาน พ.ต.อ ประเวศ ศรีนาค ผกก.สภ. พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนแพทย์เวรโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยาเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้สองชั้นบริเวณข้างบ้านบนเปล พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 รายชื่อ น.ส จารุพรรณ อินสุธา อายุ 32 ปี อาชีพ ส่งอาหาร อยู่บ้านเลขที่ 53/9 หมู่ 1 ตำบลภูเขาทองอำเภอพระนครศรีอยุธยาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สภาพสวยใส่เสื้อสี ชุดวอร์มสีน้ำเงินถูกอาวุธปืน ขนาด .38 ยิงเข้าที่บริเวณศีรษะ1 นัด ลำตัว 1 และ บริเวณชายโครงอีก 1 นัดนอนจมกองเลือดอยู่โดยมีแม่ และน้องสาวของผู้เสียชีวิตยืนร้องไห้อยู่ในที่เกิดเหตุ ตรวจสอบบริเวณโดยรอบพบหัวกระสุนปืนตกอยู่จำนวนหนึ่งหัวเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจึงทำการเก็บไว้เป็นหลักฐาน
สอบถาม นางจำปี อินสุธา อายุ 53 ปี มารดาของผู้เสียชีวิต ยืนร้องไห้และเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ลูกสาวได้เลิกกับสามีชื่อนาย พร้อมพงศ์ ศรีแก้วอายุ 35 ปี อาชีพ พนักงานห้างแห่งหนึ่ง เพิ่งเลิกรากีบผู้ตายแล้วประมาณ 5-6 เดือน โดยผู้ตายได้เช่าหออยู่ข้างนอก และวันนี้ผู้ตายได้แอบกลับมาหาลูกสาว อายุ 4 ขวบที่บ้านแม่ และเมื่อช่วงเวลาประมาณ 17.30 นผู้ตายได้นอนอยู่บนเป้จากนั้นผู้ก่อเหตุเดินเข้ามาที่บ้าน และเดินเข้ามาพูดคุยกับผู้ตายโดยตนเองก็นั่งมองอยู่ แต่ไม่ได้ยินว่าผู้ก่อเหตุกับลูกสาวคุยอะไรกันจากนั้นสักพักผู้ก่อเหตุก็ใช้วุฒิปืนที่เตรียมมายิงเข้าไป 2 นัด ในขณะยิงตนเองได้ยินเสียงปืนวิ่งเข้ามากอดลูกสาว แต่ผู้ก่อเหตุไม่สนใจยิงซ้ำเข้าไปอีก 1 นัดรวมเป็น 3 นัด จากนั้นผู้ก่อเหตุก็ยังอยู่ภายในบ้านและเดินอยู่รอบผู้ตาย ตนเองจึงสอบถามลูกเขยไปว่าทำไมถึงก่อเหตุลูกเขยตอบว่าตนเองคิดไว้แล้วว่าจะต้องลงมือ ก่อนที่จะเดินขึ้นรถจักรยานยนต์ขับหลบหนีไปส่วนสาเหตุนั้น เกิดจากด้วยความหึงหวง ต่อมาผู้ก่อเหตุนั้นได้เดินทางไปมอบตัวแล้วที่สภ.พระนครศรีอยุธยา
ล่าสุดเมื่อเวลา 9.00 น.วันที่ 13 ธันวาคม 2564 พ.ต.อ.ประเวศ ศรีนาค ผกก.สภ. พระนครศรีอยุธยา ได้ทำการสอบสวน นาย พร้อมพงศ์ ศรีแก้ว อายุ 35 ปี มูลเหตุในการก่อเหตุโดยเบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุลงมือยิง น.ส. จารุพรรณ อินสุธา อายุ 32 ปี ภรรยาจริงหลังจากเกิด มีปากเสียงกันขึ้น ในวันที่ก่อเหตุโดยมูลเหตุมาจากตนและภรรยาได้เลิกรากันไปแล้วประมาณ 6 เดือน แต่ตนก็ยังเข้าไปแอบดู Facebook ของภรรยา โดยภรรยาได้คุยกับผู้ชายและมีการแสดงความคิดเห็นกัน ตนจึงเกิด ความหึงหวง และในวันเกิดเหตุตนทำงานอยู่ที่ห้างมีคนมาบอกว่าภรรยากลับมาหาลูกที่บ้าน จึงได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาบ้านภรรยาที่กำลังนอนอยู่บนเปล และตนก็สอบถามไปว่าเรื่องจริงไหมที่มี ผู้ชายมาติดพันหรือพูดคุยภรรยาตอบว่าใช่ตนจึง เกิดบันดาลโทสะและควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ใช้อาวุธปืนที่เตรียมมายิงไปที่ภรรยาหลายนัดจากนั้นแล้วก็ขี่รถจักรยานยนต์นำปืนไปทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยากลางสะพานสวนนก ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 4 กิโลเมตร
จากนั้นก็ขับขี่รถจักรยานยนต์มามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา หลังจากสอบปากคำเสร็จทางพนักงานสอบสวนพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา เดินทางไปชี้จุดที่ทิ้งปืนและเดินทางไปยังบ้านที่เกิดเหตุ เพื่อถ่ายรูปประกอบสำนวนคดีแต่เนื่องจาก พี่ชายของผู้เสียชีวิตนั้นบอกกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าให้รอแม่ของผู้เสียชีวิตก่อนเนื่องจากเดินทางไปรับศพน้องสาว ที่ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดปทุมธานี และอยากจะดูตัวผู้ต้องหา ทางพนักงานสอบสวน จึงให้ผู้ต้องหาชี้จุดเกิดเหตุบริเวณนอกบ้านจากนั้นรีบนำตัวกลับมาที่ สภ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากเริ่มมีประชาชนที่ทราบเหตุการณ์มารอดูการทำแผนและกลัวว่าจะมีการรุมประชาทัณฑ์ เลย ไม่มีการทำแผน
ทางด้าน นายวีระ อินธุสา อายุ 35 ปี พี่ชายของผู้เสียชีวิตเผยว่า ทางครอบครัวของตนเองไม่ให้อภัยเนื่องจากผู้ต้องหาจงใจที่จะมาก่อเหตุยิงน้องสาวของตนเองส่วนตอนนี้แม่สภาพจิตใจยังย่ำแย่และช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ลูกเขยมายิงต่อหน้าแม่ของตนเองทั้งที่แม่ของตนเองนั้นร้องขอชีวิตแล้วแต่ทางผู้ต้องหาก็ไม่ยอม ถือว่าเลือดเย็นมากที่เข้ามาก่อเหตุ และก่อนหน้านี้ที่จะมีการเลิกรากันนั้นผู้ต้องหาก็ได้ทำร้ายน้องสาวของตนจนน้องสาวของตนเองต้องหนีออกไปอยู่ข้างนอก น้องสาวของตนเองเป็นคนขยันทำมาหากินเลี้ยงดูลูกสาวและวันเกิดเหตุนั้นน้องสาวของตนเองมาหาลูกสาวที่บ้านและมีทางลูกชายของผู้ต้องหาทราบว่าน้องสาวของตนเองมาหาลูกสาวจึงได้โทรไปบอกผู้ต้องหาให้มาที่บ้าน จากนั้นก็มาก่อเหตุดังกล่าว ส่วนทางบ้านกำลังไปรับศพน้องสาวที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จ.ปทุมธานี เพื่อบำเพ็ญกุศลตามประเพณีทางศาสนาต่อไป
ศักดริน พุทธคาวี ผู้สื่อข่าวอยุธยา