นักท่องเที่ยว ตื่นตาตื่นใจขบวนช้างกว่า 140 เชือก พาเหรดเข้าเมือง ร่วมงานเลี้ยงต้อนรับช้างก่อนเข้าร่วมแสดงในงานแสดงช้างปี 64 ในวันที่ 15 ธ.ค.-26 ธ.ค. 64 นี้ นักท่องเที่ยวทั้งไทย-เทศ นับหมื่นคน ประทับใจร่วมสัมผัสและให้อาหารช้างอย่างใกล้ชิด
วันที่ 24 ธันวาคม 2564 ที่บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง อ.เมือง จ.สุรินทร์ นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ประธานเปิดเลี้ยงอาหารช้าง กล่าวต้อนรับนักท่องเที่ยว และเปิดงานเลี้ยงอาหารช้าง จำนวน 140 เชือก ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ที่สนามแสดงช้างจังหวัดสุรินทร์ ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 61 โดยเลื่อนจากกลางเดือนพฤศจิกายน มาเป็นเดือนธันวาคมแทน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาหรือ โควิด-19
จัดขึ้นภายใต้ชื่องาน “มหัศจรรย์งานช้างสุรินทร์” ประจำปี 2564 ระหว่างวันที่ 15 ธ.ค.-26 ธ.ค. 64 ซึ่งปีนี้อาจจะลดขนาดของงานลงไปบ้าง แต่ก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้เช่นทุกปีที่ผ่านมา ที่บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง(พระ-ยา-สุ-ริน-พัก-ดี-สี-นะ-ลง-จาง-วาง) ภายใต้มาตรการการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ก่อนที่ช้างจะเข้าร่วมการแสดงในสนามแสดงช้าง ในวันเสาร์ที่ 25 ธ.ค.64 และวันอาทิตย์ที่ 26 ธ.ค.64 เวลา 08.00 น.ถึง เวลา 11.00 น.
ก่อนจะเปิดงานได้มีพิธีมอบธงสัญลักษณ์ความร่วมมือการร่วมจัดงานช้าง นายอำเภอท่าตูม นายอำเภอชุมพลบุรี ที่นั่งบนหลังช้าง ส่งมอบให้กับ นายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ นั่งบนหลังช้าง นำขบวนช้างกว่า 140 เชือก โดยช้างคู่แฝดเพศผู้คู่แรกของโลก คือพลายทองคำและพลายทองแท่ง นำหน้า ต่อด้วยขบวนรถอาหารช้างที่ตกแต่งสวยงาม ขบวนศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน มีงามสวยงามอย่างยิ่ง
ซึ่งขบวนช้างเคลื่อนมาจากหลังสถานีรถไฟสุรินทร์ ผ่านกลางตัวเมืองสุรินทร์ เข้ามายังบริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดีอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งมีการจัดโต๊ะอาหารเลี้ยงช้าง (บุฟเฟ่ต์ช้าง) ที่มีความยาวถึง 800 เมตร น้ำหนักอาหารช้างถึง 50 ตัน ให้ช้างได้กิน ซึ่งมีผลไม้อาหารช้าง อาทิ แตงโม กล้วย อ้อย มันแกว สัปปะรด หลากหลายชนิด กันอย่างเอร็ดอร่อย ท่ามกลางนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่มาร่วมชมและป้อนอาหารให้ช้างอย่างใกล้ชิดนับหมื่นคน ด้วยบรรยากาศที่คึกคักและน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่งอีก
ภาพ/ข่าว: เขมชาติ ชุณหกิจขจร/รมิตา สิงหเสรี ผู้สื่อข่าวสุรินทร์