จากกรณีพบศพนายสมพร ชุมพล อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 138/1 หมู่ที 15 ต .ควนมะพร้าว อ.เมืองพัทลุง บริเวณพงหญ้าริมคลองลำเป็ด โดยเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 07.30 น.วันที่ 15 มกราคม 2565 ที่ผ่านมาตามข่าวที่เสนอมาแล้วนั้น
ล่าสุด พล.ต.ต.ตานิตย์ รามดิษฐ์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ เกตุขาว ผกก.สภ.เมืองพัทลุง พ.ต.ท.เจนวิทย์ อุ่นเสียม รอง ผกก.(สอบสวน) และชุดสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง ลงพื้นที่เร่งสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และจากการสอบปากคำของ พ.ต.ท.เจนวิทย์ อุ่นเสียม รอง ผกก.(สอบสวน) และร.ต.อ.ประเสริฐ ด้วงเอียด รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทลุง เจ้าของคดี พบว่านายพัน ฯ อายุ 71 ปี ซึ่งเป็นบิดาผู้ตายมีพฤติกรรมที่น่าสงสัย และตอนบ่ายวันนี้(วันที่ 19) ทางด้านพ.ต.อ.สุรเชษฐ์ เกตุขาว ผกก.สภ.เมืองพัทลุง จึงได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.เจนวิทย์ อุ่นเสียม รอง ผกก.(สอบสวน) และพนักงานสอบสอบสวนเจ้าของคดีเรียกตัวนายพันฯมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่โรงพัก ซึ่งนายพันฯ ได้รับสารภาพด้วยอาการเศร้าหมอง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำนายพันฯ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางความสงสารและเห็นใจของชาวบ้านที่ทราบเหตุการณ์ดังกล่าว
ทางด้านนายพันฯ เผยว่าตนมีอาชีพรับจ้างงานก่อสร้าง ส่วนผู้ตายที่อาศัยอยู่บ้านเดียวกันมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งตนจะต้องให้เงินผู้ตายวันละไม่ต่ำกว่า 50 บาท ในขณะที่ผู้ตายมีอาการคลุ้มคลั่งอย่างต่อเนื่อง จนภรรยาของตนต้องหลบไปพักอาศัยกับบ้านญาติๆ ที่อยู่ข้างเคียงเป็นประจำ ก่อนเกิดเหตุหลังจากที่ตนกลับมาจากทำงานก่อสร้างผู้ตายได้ขอเงินตนไปซื้อยาเสพติดและตนก็ให้เงินไป 50 บาท พอกลางคืนวันที่ 14 มกราคม 2565 ผู้ตายมาขอเงินจากตนเพื่อไปซื้อยาเสพติดอีกครั้งหนึ่ง เมื่อตนไม่ยอมให้จึงมีปากเสียงกัน ต่อมานายสมพรฯ(ผู้ตาย) ได้ใช้มีดพร้าจะเข้ามาทำร้ายตน จึงใช้ไม้หน้าสามยาวประมาณ 1 เมตร เข้าทุบผู้ตายจนล้มลง ในขณะที่ผู้ตายฯพยายามจะลุกขึ้นเพื่อใช้มีดพร้าฟัน ตนจึงใช้ไม้ดุ้นดังกล่าวทุบนายสมพรฯจนสลบแน่นิ่ง จากนั้นได้โยนไม้หน้าสามไว้ข้างบ้าน ส่วนมีดพร้าเล่มดังกล่าวก็ถูกวางที่ใต้ถุนบ้าน จากนั้นได้นำร่างนายสมพร ใส่รถซาเล้ง แล้วนำร่างบุตรชายไปทิ้งไว้ในพื้นที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ห่างจากบ้านพักประมาณ 1 กิโลเมตร จนมีผู้พบศพในเวลาต่อมา
ด้าน ร.ต.อ.ประเสริฐ ด้วงเอียด รอง สว.(สอบสวน) จะนำผู้ต้องหาดำเนินการตามกฎหมาย ในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาและซ่อนเร้นศพต่อไป