เจ๊ข้าว ท้าวแชร์ เจ้าแม่เงินกู้ยืนฉี่รดหน้า สามียอมรับทำจริงหลังโดนคู่กรณีพูดจาดูถูกท้าทาย
วันที่ 3 พ.ค.65 จากกรณีที่ อดีตลูกน้องแจ้งความ “เจ๊ข้าว สระบุรี” เจ้าแม่เงินกู้ ผู้มีอิทธิพล ลงโทษที่พูดผิดหูด้วยการปัสสาวะรดหน้า โพสต์เฟซบุ๊กประจาน เมื่อเวลา 15.00 น. (2 พ.ค.65) ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. นายอาร์ม(นามสมมุติ) อายุ 34 ปีหนุ่ม จยย. รับจ้างทั่วไป พร้อมด้วยน.ส.ปั๊บ (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี เซลล์จำหน่ายน้ำอัดลมยี่ห้อหนึ่ง ทั้งสองคนเป็นชาวสระบุรี เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.สมชาย รอดแป้นรอง.สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ป. แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กชื่อPensiri และร้องขอความเป็นธรรมกรณีถูก “เจ๊ข้าว สระบุรี” ทำร้ายร่างกายแล้วเอาไปโพสต์ประจานในเฟซบุ๊กส่วนตัวนายอาร์ม เปิดเผยว่า ตนทำงานขับรถจยย.รับจ้าง และไลฟ์สดขายสินค้าแบรนด์เนม จะรับงานส่งของให้เจ๊ข้าววันละ 4-5 งาน ได้เงินวันละ 3-4 ร้อยบาทแต่ปรากฏว่าโดนเจ๊ข้าวส่งลูกน้องมาข่มขู่ บอกว่าถ้าไม่อยากมีเรื่องให้ตนไปขอโทษเจ๊ข้าวด่วนเลย ซึ่งเมื่อวันที่ 29 เม.ย. ตนไลฟ์สดขายกระเป๋ากุชชี่ 3 ใบ ราคา 9 หมื่นบาท ตนเจตนาดีโทรไปบอกเจ๊ข้าว จะได้ติดต่อซื้อก่อน แต่เจ๊ข้าวคิดว่าตนโทรไปเยาะเย้ยหาว่าไม่มีปัญญาซื้อ จึงเกิดการปะทะคมรมโต้เลี้ยงกัน ก่อนให้ลูกน้องผู้ชาย 2 คนมาข่มขู่ให้ตนไปกราบขอโทษที่บ้านเจ๊ข้าวตนเกรงว่าเรื่องจะบานปลายจึงขี่จยย.ไปพบเจ๊ข้าวที่บ้านพักใน อ.เมืองสระบุรีทันที เวลาหลังเที่ยงคืน เมื่อไปถึงเจอหน้าเจ๊ข้าว สั่งให้ตนนอนลงกับพื้น โดยมีลูกน้องผู้ชาย 4-5 คนล้อมไว้ก่อนที่ เจ๊ข้าวซึ่งสวมชุดนอนอยู่ขึ้นคร่อมถลกชุดนอนแล้วปัสสาวะรดใบหน้าตนพยายามให้เข้าปาก เพื่อสั่งสอนว่าอย่ามาทำปากดีกับเขา พร้อมสั่งลูกน้องถ่ายคลิปไว้ด้วย ตนอยากจะให้เรื่องนี้จบๆ กันไป จึงไม่ได้ไปแจ้งความเอาผิดและเกรงอิทธิพลของเจ๊ข้าว ซึ่งมีพ่อเป็นผู้ใหญ่บ้านแต่เรื่องไม่จบ เจ๊ข้าว เอาเหตุการณ์ปัสสาวะรดหน้าตนไปเขียนโพสต์ประจานลงเฟซบุ๊กส่วนตัวของเขา ทำให้ตนได้รับความอับอายจากชาวสระบุรีที่รู้จัก เป็นการถูกเหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่กระทำกับมนุษย์ด้วยกัน วันนี้จึงตัดสินใจชวน น.ส.ปั๊บ ผู้เสียหายที่โดนทำร้ายอีกรายมาแจ้งความกองปราบฯ
ด้าน เจ๊ปั๊บ ซึ่งอดีตเคยเป็นเพื่อนร่วมทำแชร์มาด้วยกัน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18เม.ย. ตนขับรถมากับเพื่อน 2 คน จะไปตลาดโดนเจ๊ข้าวพร้อมลูกน้อง 10 กว่าคนมาล้อมรถแล้วเรียกให้ตนลงไป เพื่อทวงหนี้ที่เหลือ บังคับให้กราบเท้าขอโทษ มีสาเหตุมาจากตนติดหนี้อยู่ 5หมื่นแต่ใช้คืนไปแค่ 2.5 หมื่น ยังไม่หมด ก่อนจะเอาโทรศัพท์มือถือตบเข้าใบหน้า แล้วบังคับให้ก้มกราบเท้าก่อนจะทุบหลังอีก 1 ครั้ง แล้วใช้เท้าเหยียบคอซ้ำ พร้อมกับข่มขู่ว่าอย่าให้เจอที่ไหนจะกระทืบซ้ำอีกตนได้ไปแจ้งความ สภ.เมือง สระบุรีเมื่อ 20 เม.ย. แต่ไม่มีความคืบหน้าพร้อมกับ เจู๊ข้าวได้เอาเรื่องไปโพสต์ข่มขู่ทวงหนี้ประจานทางเฟซบุ๊ก ข่มขู่ทวงหนี้ประจานทางเฟซบุ๊กของเธอ ทราบว่านายอาร์ม โดนปัสสาวะรดหน้าจะมาแจ้งความ บก.ป.จึงตัดสินใจมาด้วยกัน ต้องการให้ บก.ป.ให้ความเป็นธรรมเนื่องจากเกรงว่าท้องที่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ เพราะคู่กรณีมีพ่อเป็นผู้ใหญ่บ้านมีอิทธิพลในท้องที่เบื้องต้นสอบปากคำผู้เสียหายทั้งสองคน แล้วเห็นว่าการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นการทำร้ายไม่ร้ายแรง แต่เหตุการณ์เกิดกันคนละช่วงเวลา ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่เกิดเหตุแล้ว คนแรกแจ้งความไว้ เมื่อ 20เม.ย. ส่วนผู้ชายที่อ้างว่าโดนฉี่รดหน้ายังไม่มีการแจ้งความแต่อย่างใด เหตุเกิดเมื่อ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา พงส.บก.ป.จะสอบปากคำผู้เสียหายทั้งสองแล้วส่งไขให้ พงส.ท้องที่เกิดเหตุรับไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ในวันนี้ผู้สื่อข่าวได้เข้าพบกับนาย อนันตพล (อาร์ม) ถุงทรัพย์ อายุ 34 ปี ซึ่งกำลังนั่งตัดผมอยู่ เปิดเผยว่า ตนเองเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย จากที่มีการข่มขู่ตนว่าจะทำร้ายตนอีก ซึ่งตนคิดว่าเจ๊ข้าวเอาแน่ ซึ่งตนเองรู้นิสัยดี เนื่องจากทำงานด้วยมา 4 ปีแล้วอาจจะรอให้เรื่องเงียบก่อน ซึ่งในส่วนตัวแล้วเจ๊ข้าว เป็นคนใจดี สวดมนต์ ไหว้พระ ทำบุญทุกวันพระ ปล่อยปลา แต่ถ้าหากใครทำให้หงุดหงิด หรืออารมณ์เสีย ก็จะเป็นไปอีกคน คือเกรี้ยวกราด รุนแรง ทำได้ทุกอย่างขอให้สะใจ ในส่วนตัวแล้วเคยเคารพนับถือมากๆ ตนเคยเรียกเจ๊ข้าวว่าแม่ด้วยซ้ำ ส่วนสาเหตุที่ตนไปร้องกองปราบ เนื่องจากว่า คุณภคพร (เจ๊ปั๊บ) เกิดเหตุเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองสระบุรี แล้วเรื่องไม่คืบหน้า ส่วนในเรื่องของตนนั้น เกิดเมื่อวันที่ 29 เม.ย.ช่วงเวลา 4 ทุ่มครึ่ง บริเวณหน้าคลินิก ธาราเวช ตนเห็นว่ามีรถเก๋งสีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับตามตนอยู่ ซึ่งตนรู้ว่าเป็นรถทีมทวงหนี้ของเจ๊ข้าว ตนเองเห็นว่ามีจุดประสงค์ร้ายแน่ๆ จึงได้ขับรถ จยย.หนี จากนั้นได้มีโทรศัพท์โทรเข้ามาข่มขู่ตนว่า มึงอยากตายเหรอ มึงเข้าไปขอโทษเขาเสียนะ ซึ่งตนมองดูว่าปัญหามันเกิดจากเรื่องเล็กๆในเฟสบุ๊ก ทำไมต้องส่งคนมาถึงขนาดนี้ ตนเองจึงได้ทักไปหาเจ๊ข้าวว่า ตนเองจะเข้าไปขอโทษแล้วนะ จากนั้นเวลา 5ทุ่มครึ่ง ตนจึงได้ไปหาเจ๊ข่าวที่บ้านเพื่อที่จะไปจอโทษ และเมื่อถึงบ้านถูกเจ๊ข้าวสั่งให้นอนลง ซึ่งตนคิดว่าน่าจะเหยียบหน้า หรือจะกระทืบ ซึ่งตนก็ยอมเพื่อเรื่องจะได้จบๆไปซะ แต่กลับไม่เป็นดังที่คิดไว้ ตนถูกเจ๊ข้าวเยี่ยวใส่หน้าตนเอง ทำให้ตนเองเกิดอาการช็อก พอตั้งสติได้ตนเองก็ก้มลงกราบไปที่ตีนเขา และก็เดินออกมา ซึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีการถ่ายคลิปไว้ด้วย และมีเพื่อนของสามียืนคุมเชิงอยู่ด้วย ในส่วนตัวแล้วตนเองไม่มีหลักฐานอะไรที่จะไปแจ้งความดำเนินคดีอะไรกับเขาไม่ได้ ที่ตนมาร้องที่กองปราบ เพราะว่ามีคนชวนตนมา พร้อมกับ เจ๊ปั๊บ
นาย อาร์ม เล่าเสริมว่า ในส่วนตัวของเจ๊ปั๊บ นั้น โดนเจ๊ข้าว เอาเท้าเหยียบไปที่หัว และแตะไปที่กกหู สาเหตุน่าจะเกิดจาก การยืมเงินกัน แล้วบอกว่าจ่ายช้า ซึ่งทางเจ๊ปั๊บก็ยอมทุกอย่าง แต่ด้วยนิสัยของเจ๊ข้าวเป็นคนที่ไม่ยอมอะไรง่ายๆ
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้าน ของเจ๊ข้าว ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.สระบุรี เพื่อขอคำชี้แจง ถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น โดยเจ๊ข้าว ยังคงอาศัยอยู่ภายในบ้านไม่ยอมออกมาพูดคุย โดยบอกว่ารอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อมีการเรียกเข้ามา และให้ นาย จิรายุทธ บุญใจ (สามี) อายุ 28 ปี และนาย บุญ เมืองชล (น้อง) ออกมาพบกับผู้สื่อข่าว โดยนาย จิรายุทธ เผยว่า นายอาร์ม พูดไม่หมดที่มันโดน ซึ่งตนเอง และแฟนของตนเป็นคนชุบเลี้ยงมา และยังมาด่า ท้าทายสารพัด ทำให้เสียความรู้สึก เนื่องจากช่วยเหลือมาตลอด ซึ่งจริงแล้วไม่อยากจะทำอะไรลงไปหรอง แต่เนื่องจากถูกท้าทาย ซึ่งอยากให้รู้ตัวเองบ้าง ซึ่งก็ไม่ได้ทำอะไรรุนแรง ซึ่งจากคำพูดของนายอาร์มก็เกินความเป็นจริง ว่าผู้มีอิทธิพล ส่วนเจ้าแม่เงินกู้ก็ไม่เป็นความจริง ซึ่งทางเราก็ไม่มีอะไรมากมายขนาดนั้น ดูแล้วจะพูดแต่ให้ว่าทางเราเสียหาย ซึ่งประเด็นมันอยู่ที่ว่า นายอาร์ม เอากระเป๋ามาขายในเมียตน แล้วเมียของตนไม่อยากที่จะซื้อ ได้แต่บอกไปว่ามันแพง ในราคา 9หมื่น ขายไม่ได้หรอกสภาพมันไม่ดีขนาดนั้น ส่วนที่เป็นประเด็นคือนายอาร์มมาโพสต์ลงเฟสบุ๊ก ว่า 3 ใบ 9หมื่น จบไปขอเลขบัญชีครับ น้องอาร์มไม่พูดเยอะ จึงทำให้เหมือนกับมีการเยาเย้ย ว่าตนไม่มีปัญญาซื้อ ซึ่งตนแลเมีย เลียง และช่วยเหลือ นายอาร์ม มาโดยตลอด ไม่ว่าจะขาดเหลืออะไรก็ดูแลให้เงินใช้ แม้กระทั่งมาอาศัยนอนอยู่ในบ้าน ใครไม่เอาในสระบุรี เมียตนก็ยังดูแลมาตลอด จึงทำให้เกิดความโมโหคนที่ตนเลี้ยงมากลับมาทำกับตนแบบนี้ ซึ่งตนคิดว่าที่พากันไปฟ้องกับ กองปราบตนคิดว่ามันน่าจะมีคนเบื้องหลังอยู่ น่าจะเป็นคนที่มีปัญหากับเมียของตน ทำให้เข้าเกมส์เขาเลย ส่วนในเรื่องที่ว่าฉี่ใส่หน้า นายอาร์มนั้น ยอมรับว่าฉี่ใส่จริง เนื่องจากว่า ถูกท้าทาย ว่า “อีข้าวคนอย่างมึงนะ จะมีน้ำหน้ามาทำอะไรกูได้หรือวะ” ซึ่งทำให้เมียตนเองเกิดความโมโห เนื่องจากว่าคนที่ชุบเลี้ยงมา แล้วยังมาด่าท้าทาย ทั้งที่ตนให้อาชีพ ให้งานทำ แม่ของมันยังไม่เอามันเลย ในส่วนที่ว่ามีการใช้รถติดตามนั้น ยอมรับว่าตามจริง ซึ่งทางเราต้องการให้มาขอโทษก็เพียงเท่านั้น ทางนาย จิรายุทธ กล่าวเสริมว่า ในเรื่องของเจ๊ปั๊บ นั้น ซึ่งเคยเป็นเลขา ของเมียตนมาก่อน ซึ่งเมียตนก็ได้ให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน ให้ยืมไปถึง 3 ครั้งๆละเป็นแสนบาท และมีการทวงถามก็ยังไม่ยอมคืน และอยู่ในกลุ่ม เพื่อนด้วยกัน จากนั้นได้ผันตัวออกไป ขายสินค้าออนไลด์เอง ซึ่งเมียตนก็ให้โอกาสมาโดยตลอด จนล่าสุดเมียของตนคงจะไหวจึงได้ไปทวงถามอีก พร้อมกับต่อว่า และทำร้ายร่างกายเขา แต่ไม่มีการรุม ปล่อยให้เป็นเรื่องผู้หญิงกับผู้หญิง ส่วนคนที่พาไปร้องเรียนก็น่าจะเป็นอีกคนที่มีปัญหากัน ซึ่งตนมองว่าเป็นเพื่อนกันทะเลาะกันมากว่า ซึ่งเมื่อมีตำรวจเรียกทางตนเองก็พร้อมที่จะไปพบเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา
เมื่อเวลา 12.00 น ทางด้าน พ.ต.อ.เชษฐชัย เชษฐศิริ ผกก.สภ.เมืองสระบุรี ได้เรียก นาย อนันตพล ถุงทรัพย์ (อาร์ม) ผู้เสียหายเข้าพบเพื่อที่จะสอบปากคำเพิ่มเติม โดยใช้เวลาประมาณ 20 นาทีจึงแล้วเสร็จ โดยทาง พ.ต.อ.เชษฐชัย กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกทางผู้เสียหายเข้ามาสอบปากคำ ส่วนในเรื่องคดีทางเจ้าหน้าที่จะรวบรวมพยานหลักฐานก่อน ว่ามีความผิดในเรื่องได อย่างไร พร้อมจะต้องเรียกคู่กรณีอีกฝ่ายเข้ามา เพื่อสอบถามว่าเกิดเหตุอะไรอย่างไรเป็นจริงหรือเปล่า โดยจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งจากการสอบถามนายอาร์ม ก็เป็นไปตามให้ให้ข่าว ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่สมควร ซึ่งจะต้องดูทั้ง 2 ฝ่ายว่าปัญหาเกิดอะไร อย่างไร
ชาญวิทย์ คำนวนวุฒิ สระบุรี